เรื่องเล่าจากสังขละ (ภาคต่อ)





21 ก.ค. 2555

"เรื่องเล่าจากสังขละฯ ตอนการผจญภัยรอบบ่าย"

บ่ายสองโมงวันนี้หลังจากเสร็จกิจกรรมช่วงเช้าจากการล่องเรือ ขี่ช้างและล่องแพไม้ไผ่เสร็จเรียบร้อย ผมและลูกค้าก็เดินกลับมายังที่พักคือพนธ์นที รีสอร์ทเพื่อเริ่มกิจกรรมผจญยามบ่ายกันต่อ

เริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีเพราะสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก นึกว่าจะตกนานแต่เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้นฝนที่ถล่มลงมาก็หยุดลงไปอย่างดื้อๆ

กิจกรรมยามบ่ายหลักๆคือ"เที่ยวถ้ำแก้วสวรรค์บันดาลและล่องแพยางแม่น้ำซองกาเลีย"

แต่ความสุดยอดคือพาพนะที่ใช้เดินทางมันเป็นรถกะบะยกสูงแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มีพี่ชัยเป็นลูกพี่ใหญ่และเป็นคนในพื้นที่ลุยป่า ภูเขาและน้ำในสังขละฯมานับไม่ถ้วน ใครสนใจโปรแกรมเดินป่าแบบลุยๆติดต่อได้เลย รับรองสุดยอดเว้ยเฮ้ย!

นอกจากพี่ชัยแล้วยังมีลูกน้องชาวกะเหรี่ยงเป็นลูกมืออีกสองคนมาช่วยในกิจกรรมบ่ายวันนี้

ออกจากที่พักขับรถกะบะขับเคลื่อนสี่ล้อมุ่งหน้าไปด่านเจดีย์สามองค์ ด้านหลังกะบะมีผมและทีมงานกะเหรี่ยงสองคน ส่วนด้านหน้าพ่อ แม่และลูกสามยัดกันเข้าไปนั่งข้างคนขับและเบาะหลัง

ใช้เวลาไม่นานรถกะบะก็เลี้ยวเข้ามาในป่ายางพารา ไม่มีป้ายบอกปากทางสะด้วยสิว่ากำลังจะไปไหน เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา วิ่งผ่านทางลูกรังที่เฉอะเฉะหลังจากฝนเพิ่งจะหยุดตก รถกะบะคนใหญ่ก็เข้ามาจอดภายในบริเวณวัด จุดที่ชาวคณะจะขึ้นไปลุยในถ้ำกัน

ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการลุยภายในถ้ำ พี่ชัยบอกว่า" เราจะมีการปีนป่ายเล็กน้อย มีมุด มีคลานและสุดท้ายก็จะโรยตัวจากเถาวัลย์ลงมาหรืออาจจะปีนต้นไม้ลงมาก็ได้" ไอยะ! ฟังแล้วแมร่งไม่ธรรมดาเว้ยเฮ้ย

พี่ชัยพูดต่อ "ภายในถ้ำเราก็จะไม่ได้ใช้ไฟฉายนะครับ แต่เราจะใช้เทียนและวางไว้เป็นจุดเพื่อความสวยงามในการถ่ายรูป ผมเคยลองใช้ไฟฉายมาแล้ว ผมว่าเทียนนี้แหละงามที่สุด" โอ้โฮ้! พี่ชัยแมร่งสุดยอดเลย

จากข้อมูลถ้ำเบื้องต้น ผมคงไม่สามารถเข้าไปลุยได้แน่ๆเพราะเข่าเดี้ยง ถ้าฝืนเข้าไปมีหวังเป็นภาระ กลับออกมาผมจะอาการหนักกว่าเก่า แต่ผมก็จะเดินไปส่งหน้าปากถ้ำ

โอ้ว!พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง กล้วยทอด กล้วยย่าง การเดินทางไปปากถ้ำก็สุดยอดแล้ว ทางเดินลื่นเพราะเป็นดินเหนียวและฝนเพิ่งจะหยุดตก ต้องเดินลุยน้ำเล็กน้อย ปีนอีกนิดหน่อย ในที่สุดก็มาถึงปากถ้ำ แมร่งลืนสุดๆเลยวะ!

มาถึงปากถ้ำผมฝืนปีนเข้าไปดูในถ้ำนิดหน่อย โอ้วแม่เจ้า! ทีมงามกะเหรี่ยงสองคนที่ล่วงหน้าเข้ามาก่อนหลังจากจอดรถที่วัด ได้รีบเข้ามาทำการจุดเทียนวางไว้เป็นจุดๆสวยงามมาก แค่ตรงที่ผมยืนหินงอกหินย้อย รูปทรงภายในถ้ำแมร่งสวยวะ! ทางที่ต้องปีนขึ้นก็เป็นชั้นๆลดหลั่นกันเป็นลำดับเหมือนน้ำตก คือมองจากตรงนี้ไม่รู้เลยว่าด้านบนที่ต้องแหงนคอตั้งสามารถเข้าไปได้

แต่ทีมงามกะเหรี่ยงก็ส่งเสียงเป็นภาษากะเหรี่ยงมาให้พี่ชัยรับทราบ ข่าวร้ายคือภาระกิจปีน มุด โรยตัวถ้ำต้องหยุดลงนะจุดนี้ เพราะส่วนที่จะต้องมุดและคลานเข้าไปน้ำท่วมมิด ไม่สามารถจะผ่านเข้าไปได้นอกจาก"ต้องดำน้ำ" โอ้โฮ้! นี้แมร่งจะผจญภัยกันสุดๆเลยใช่ไหมเนี่ย ดำน้ำเที่ยวถ้ำเนี่ยนะ!

คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เราทั้งหมดรวมทั้งทีมงาน 9 คน หันหลังกลับ! เพราะสภาวะไม่อำนวย

ช่วงที่จะต้องปีนกลับลงมาปากถ้ำ ทางแมร่งก็ลื่น มีแอ่งน้ำเต็มไปหมด ทุกคนผ่านไปได้ด้วยดี แต่ผมแมร่งเสือกลื่นล้มตกลงไปในแอ่งน้ำเล็กน้อย ดีนะที่ใช้มือขวาค้ำยันเอาไว้ ไม่งั้นเปียกไปครึงตัวแน่ๆ

ออกจากถ้ำเรามุ่งหน้าต่อไปยังจุดลงเรือยางเพื่อล่องแก่งแม่น้ำซองกาเรีย ลูกค้าสี่คนยกเว้นคุณแม่ เปลี่ยนใจมานั่งกะบะหลังคิดว่าคงอยากจะมันบ้างอะนะ จากถ้ำรถวิ่งย้อนขึ้นมาอีกเล็กน้อย แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายน้ำตกตะเคียนทอง จากทางราดยางสักพักรถก็เลี้ยวขวา สภาพถนนเปลี่ยนไปโดนสิ้นเชิงคือทางลูกรังสีแดง รถจอดทันทีเมื่อเลี้ยวมาถึงตรงนี้เพราะต้องการให้ลูกค้าย้ายไปนั่งด้านหน้าเนื่องจากมีกิ่งไม้มากอีกทั้งทางก็สุดโหด

ด้านหลังกะบะเหลือผม กะเหรี่ยงสองคนและลูกค้าผู้ชาย ทั้งหมดสี่คน ต้องขอบอกเลยว่านี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อและวิ่งในเส้นทางที่ โอ้วแม่เจ้า! ถ้าไม่ใช่รถขับเคลื่อนสี่ล้ออย่าหวังที่จะเข้ามาเลย เพราะทางลูกรัง ฝนตก ถนนลืน เป็นลุ่มเป็นบ่อ ร่องถนนลึกมว๊าก มีน้ำขังเป็นจุดๆ ถนนบางช่วงก็ลาดชัน แถมเป็นถนนลูกรังที่มีเพียงเลนเดียวเท่านั้น

เราทั้งสี่อยู่หลังกะบะ ผมกับลูกค้าอีกคนนั่งบนพื้นมือทั้งสองข้างจับตัวรถอย่างแน่น กะเหรียงสองคนยืนอยู่ด้านหลังต้องคอยหลบกิ่งไม้และทรงตัวให้ดีในจังหวะที่รถกระแทกแรงๆ นั่งเฉยๆตรูดแมร่งยังลอยจากพืนเลยอะ ทางสุดยอดมว๊ากกกกกกกก

นั่งกระเด้งหน้ากระเด้งหลังมาสักพักใหญ่ๆก็มาถึงจุดลงเรือยางล่องแก่ง ทีมงามกะเหรี่ยงสองคนนั่งประจำตำแหน่งหน้าและหลัง ลูกค้าอีกห้าคนนั่งตรงกลาง ส่วนกระผมนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อมากับพี่ชัยเพื่อมารอรับยังจุดหมายปาลายทางของการล่องแก่ง

ทุกคนปลอดภัยจากการล่องแก่ง แต่ไม่รอดที่จะโดนทากเล่นงาน ลูกค้าเอาร่องรอยทากกัดมาให้ดูเป็นของขวัญจากป่าสังขละบุรี

ลูกค้าถามผมว่า"แพท เคยมาหรือเปล่า"
ผม "มาครั้งแรกฮะ มันเฮี้ยๆ"

ตามระเบียบก่อนจากกันผมก็ทิปทีมงานกะเหรี่ยงสองคนไปคนละ 200 บาท ไม่ได้อวดร่ำอวดรวยหรอกนะฮะ แต่เราเห็นจากการที่เขาทำงานและมีความตั้งใจในการทำงาน ความมีน้ำใจและความรู้สึกดีๆที่ผมสัมผัสได้ นี้เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่ผมตอบแทนเขา ทั้งสองคนรับเงินไปพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ

แล้วผมจะกลับมาปีนถ้ำใหม่ให้ได้...เจอกันแน่นอน!!
ผมเอง

ปล.ทริปนี้พวกคุณหญิง คุณนาย ไกด์เทวดาและนางฟ้าทั้งหลาย รวมทั้งที่กลัวเลอะ กลัวแดด กลัวดำ กลัวสารพัด คงไม่เหมาะเพราะมันต้องลุยจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น