มากกว่าร้านกาแฟ...a cup of joe

แนะนำร้านกาแฟ"A Cup Of Joe" 

เจ้าของร้านชื่อ"พี่อ๊อด" เปิดร้านมาได้สี่เดือนแล้ว แต่จะเปิดอย่างเป็นทางการ...Grand Openning วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์นี้

ใครผ่านไปแถวบึงน้ำ หมู่บ้านสัมมากร แวะไปทานได้นะครับ วันนั้นค่ากาแฟทุกบาททุกสตางค์จะมอบให้การกุศล อีกทั้งยังมีเสื้อที่ทางร้านทำเองแจกให้อีกด้วย!

เหตุที่เป็นวันที่ 23 กพ. พี่อ๊อดบอกว่า"เป็นวันคล้ายวันเกิดก็เลยจะมอบเงินให้การกุศลและเป็นวันครบรอบแต่งงานอีกด้วย(พี่เขามีลูกสองคนแล้ว)"


ร้านกาแฟเล็กๆตกแต่งน่ารัก บรรยากาศเป็นกันเอง พี่อ๊อดเจ้าของน่ารัก คุยสนุกและมีเม็ดกาแฟจากหลากหลายประเทศให้เลือกทาน!

รอบที่แล้วผมสั่งเอสเพรสเซ่ร้อน พี่เขาจัดเม็ดกาแฟสี่ชาติทำกาแฟให้ผมหนึ่งแก้ว เข้มข้น หอมกรุ่น สะใจ ราคาไม่แพง เพียง 60 บาทเท่านั้น

บ่ายวันนี้ผมกลับไปอีกรอบ ผมทานเอสเพรสโซ่ร้อนแบบไม่ใส่น้ำตาล้หมือนเดิม พี่เขาจัดเม็ดกาแฟจากดอยช้างแบบPeaBerryผสมกับKaluaมาให้ผมหนึ่งแก้ว รสชาดหอมทั้งกลิ่นกาแฟและเหล้าที่ผสมลงไป สีกาแฟในแก้วหนาและเข้ม รสชาดก็ตามนั้น..กระชากวิญญาณกลับร่างทันที:-) แก้วนี้ก็ไม่แพงสำหรับความคิดสร้างสรรค์ ผมยื่นแบงค์ร้อยไป ทอนกลับมา20บาท

ที่ร้านเน้นขายกาแฟอย่างเดียว ไม่มีเค๊กหรือคุ๊กกี้จำหน่าย!

ใครที่แสวงหาร้านกาแฟแบบมีเม็ดกาแฟหลากหลายให้เลือก..เชิญร้านนี้ได้เลย
ขอบอกอีกอย่างว่า ร้านกาแฟและรสชาดกาแฟจะสะท้อนบุคลิกของเจ้าของ ร้านนี้ชัดเจนมาก...เป็นอีกร้านที่ผมยกนิ้วให้:-)

ผมเอง...ตบะเสือ ณ ลำน้ำกษัตริย์
สถานที่ : ร้านกาแฟ a cup of joe ริมบึง หมู่บ้านสัมมากร
วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556

Buffalino...รถตู้นอน


เจ้าพาหนะตัวนี้มีชื่อว่าBuffalino ง่ายๆก็คือรถตู้แค้มปิ้งแบบเดินทางคนเดียว ค่ำไหนก็นอนมันในรถนั้นแหละ ^^

เจ้ารถคันนี้เป็นการผสมผสานระหว่างสกู้ทเตอร์ของอิตาลีและตุ๊กตุ๊กหรือสามล้อที่เราเห็นกันเกลื่อนในประเทศแถบเอเชีย

ถึงแม้จะเล็กแต่ก็เล็กพริกขี้หนูนะฮะ การตกแต่งข้างในครบครันทั้งเตียงแบบพับได้ อ่างล้างหน้า ห้องครัวพร้อมตู้เย็น น้ำและชั้นวางโน๊ตบุ๊คเพื่อไม่ให้ขาดการติดต่อกับชาวโลก

แต่ถ้าเอาเข้ามาขายในเมืองไทยคงต้องเพิ่มพัดลมนะฮะ ไม่งั้นนอนไม่หลับ ยุงเพียบ อีกทั้งคงเหมาะสำหรับพักผ่อนระหว่างวัน ถ้าจะให้นอนค้างคืนในรถคงต้องหาที่ปลอดภัยสักนิด ประเทศไทยไม่เหมือนที่ไหนในโลก...ไว้ใจได้สะที่ไหน จอดรถแป็บเดีัยวยังหายเลย!



เจ้ารถสามล้อสุดเก๋คันนี้ ชื่อจริงๆคือ Buffalino ออกแบบโดยIndustrial Designer ชาวเยอรมันชื่อนายCornelius Cormanns

ใครที่ชอบเดินทางคนเดียว มีโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากจะยุ่งหรือวุ่นวายกับใคร อีกทั้งประหยัด แนะนำให้ซื้อเก็บไว้เลยครับ อีกสองปีบ้านเราก็จะเปิดAECแล้ว ยกก๊วนซื้อกันเลยดีไหม ขับกันให้สนานข้ามแดน ข้ามประเทศกันเลย

ใครซื้อบอกด้วยผมจะได้ขออนุญาตคุณภรรยา เอิ้กๆๆๆ

ภาพและข้อมูล : http://bit.ly/XrKEj2
เล่าเรือง : ตบะเสือ ณ ลำน้ำกษัตริย์

พระสารีบุตร...ผู้มีปัญญามาก

"เก็บเล็กผสมน้อย...พระสารีบุตร"
ค่ำนี้ก็เหมือนทุกวันที่ผ่านมาในช่วงนี้คือเป็นสารถีขับรถส่งคุณภรรยาที่บ้าน ก่อนกลับก็อ่านเรื่องพระอัครสาวกของพระพุทธเจ้ามาหนึ่งเรือง 

โอวาทปาติโมกข์นั้นมีที้งหมด 13 หัวข้อ สรุปลงเป็น 4 ประเด็นคือ
1.ว่าด้วยอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา (พระนิพพาน)
2.ว่าด้วยหลักการทั่วไปของพระพุทธศาสนา (ไม่ทำชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส)
3.ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้เผยแพร่พุทธศาสนา (รู้ประมาณในโภชนะ อยู่อย่างสงัด เคร่งครัดในระเบียบวินัย ฝึกจิตอยู่เสมอ)
4.ว่าด้วยเทคนิควิธีเผยแพร่พระพุทธศาสนา (ไม่ว่าร้ายเขา ไม่เบียดเบียนเขา มีความอดทน ใช้สันติวิธีในการประกาศพระพุทธศาสนา)

...........................






คุณสมบัติเด่นของ"ท่านพระสารีบุตร" นอกจากเป็นผู้มีปัญญามากแล้วท่านยังมีความกตัญญูกตเวทิตาธรรมเป็นเลิศอีกด้วย ท่านถือว่าพระอัสชิเป็นอาจารย์รูปแรกที่นำท่านเข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนา ท่านจึงมีความเคารพในพระอาจารย์ของท่านมาก เวลาท่านจะนอน ถ้ารู้ว่าอาจารย์ของท่านอยู่ ณ ทิศใด ท่านจะหันศรีษะไปทางทิศนั้น

สมัยหนึ่งมีพราหมณ์เฒ่าคนหนึ่ง นาม"ราธะ" อยากบวช แต่ไม่มีใครรับรอง พระสงฆ์จึงไม่สามารถบวชให้เขา

พระพุทธเจ้าตรัสถามในที่ประชุมสงฆ์ว่า"มีใครรู้จักพราหมณ์คนนี้ไหม"

พระสารีบุตรกราบทูลว่า "จำได้ว่าพราหมณ์คนนี้เคยใส่บาตรท่านทัพพีหนึ่ง" ท่านรู้จัก จึงขอรับรอง

พระพุทธองค์ทรงมอบภาระให้ท่านเป็นอุปัชฌาย์บวชแก่ราธพราหมณ์ หลังจากบวชแล้วพระราธะได้เป็นสัทธิวิหาริกผู้ว่าง่ายรูปหนึ่ง นี้เป็นตัวอย่างหนึ่งแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตา แม้อุปการะเล็กน้อยท่านก็ยังเห็นความสำคัญ น่าเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นหลัง

ภาพและข้อมูลโดย
อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก
คัดย่อโดย
ตบะเสือ ณ ลำน้ำกษัตริย์

"พระสุภูติเถระ...ผู้ชอบความสงัดวิเวก"

วันนี้ก็ได้มาอีกหนึ่งเรืองหลังจากทานอาหาีรค่ำที่บ้านคุณภรรยา ก็เลยคัดย่อประเด็นที่่น่าสนใจมาฝากสหมิตรทุกท่าน

"พระสุภูติเถระ...ผู้ชอบความสงัดวิเวก"

ท่านเป็นบุตรสุมนะเศรษฐี เมืองสาวัตถี ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าในวันที่มีการฉลองพระเชตวันมหาวิหาร ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย มีความเลื่อมใสจึงขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์

หลังจากบวชแล้ว ท่านรับกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า เข้าป่าบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนา ไม่นานก็บรรลุพระอรหัตผล ท่านชอบอยู่ป่าอันสงัดวิเวกเป็นประจำ มีเมตตาธรรมสูง ว่ากันว่า ท่านได้แผ่เมตตาจิตไปยังทุกบ้านทุกเรือนที่ท่านออกบิณฑบาต อาหารบิณฑบาตที่ถวายแก่ท่าน จึงมีอานิสงส์สูงมาก





ในคัมภีร์ฝ่ายเซ็นเล่าไว้ว่า
วันหนึ่ง ขณะท่านพระสุภูติเถระนั่งเข้าฌานอยู่ เทวดาทั้งหลายก็โปรยปรายดอกไม้บูชาท่าน ครั้นท่านออกจากฌานแล้ว เล่าเทวดาก็กล่าวขอบคพระคุณท่านว่า
"พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ซาบซึ้งในพระธรรมเทศนาที่พระคุณเจ้าแสดงเป็นอย่างยิ่ง"

พระเถระถามว่า"อาตมาแสดงธรรมหรือ"

"ใช่ พระคุณเจ้า"

"อาตมามิได้แสดงธรรมที่ไหนเลย อาตมาเข้าฌานสมาบัติเพิ่บจะออกเดี๋ยวนี้เอง"

"พระคุณเจ้าแสดงเรื่องความว่างอย่าไรเล่า"

พวกเทวดาหมายความว่า การที่พระสุภูติเถระนั่งเข้าฌานสมาบัติเงียบๆรูปเดียวในป่าเปลี่ยว นั่นแหละเป็นการแสดงเรื่องความว่าง ท่านอยู่ในความสงัดวิเวกอย่างเป็นสุข เป็นแบบอย่างที่ดีของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

นี่แหละที่เซ็นเขาว่า"การพูดโดยไม่พูด" การแสดงธรรมโดยไม่แสดง(ออกมาทางวาจา)มีผลยิ่งใหญ่นัก


ประวัติไม่บอกว่า ท่านนิพพานเมื่ออายุพรรษาเท่าไา ณ ที่ใด

หมายเหตุ : “สุภูติ” ซึ่งถือว่าเป็นมงคลนาม มีความหมายว่า “ผู้เกิดดีแล้ว”

ขอบคุณข้อมูลโดย
อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ภาพประกอบโดย

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=580.0

ภัทเทกรัตตสูตร แสดงโดยพระพุทธเจ้า


**...ปัจจุบันดีที่สุด...**
ภัทเทกรัตตสูตร แสดงโดยพระพุทธเจ้า ณ พระเชตวันให้ภิกษุทั้งหลายฟัง
"ไม่พึงย้อนนึกถึงอดีต ไม่พึงห่วงหาอนาคต อดีตก็ผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ผู้เห็นแจ้งปัจจุบันธรรม ณ สภาวะนั้นๆไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน พึงพอกพูนความสงบ พึงรีบทำความเพียรแต่บัดนี้ ใครเล่าจะรู้ตายวันพรุ่งนี้(หรือไม่) จะผัดผ่อนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่ก็ไม่ได้ คนที่มีความเพียรอยู่อย่างนี้ ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน สัตบุรุษผู้ทั้งหลายเรียกเขาว่า คนมีราตรีเดียวเจริญ"

ขอบคุณ
อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก




...ใจความคือไม่ให้ติดตามเรื่องล่วงมาแล้ว ไม่ให้หวังเฉพาะเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ให้เห็นแจ้งปัจจุบัน ให้รีบเร่งทำความเพียรเสียในวันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่ง เพราะจะผัดเพี้ยนต่อมฤตยูผู้มีเสนาใหญ่ ย่อมไม่ได้. คนที่มีความเพียรอย่างนี้ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืน เรียกว่ามีราตรีเดียวอันดี ( อันเจริญ ). การไม่ติดตามอดีต การไม่หวังเฉพาะอนาคต ตรัสอธิบายว่า ไม่ให้มีความยินดีเพลิดเพลินในอดีตและอนาคตนั้น.

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมโดย
http://www.polyboon.com/dhumma/14_031.php
ภาำพประกอบโดย
PattyFromTheBlock

พระสีวลีเถระ..ผู้มีลาภมาก


เนื่องด้วยแวะไปทานอาหารค่ำที่บ้านคุณภรรยา เห็นหนังสือเล่มหนาวางอยู่หน้าทีวีก็เลยหยิบขึ้นมาอ่านและก็ได้เรื่ืองราวของพระสีวลีมาเก็บเอาไว้เป็นบันทึก

พระสีวลีเถระ
"ท่านมีลาภมากเพราะผลทานที่ถวายด้วยจิตเลื่อมใส ก็จะให้ความคิดแก่ชาวพุทธเราว่า ถ้าอยากได้อะไรเราก็ควรให้ก่อน การทำบุญทำทานคือการให้ ยิ่งให้มากก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้ ยิ่งให้ยิ่งได้นี้คือกฏธรรมชาตื"



พระพุทธเจ้าทรงเล่าสาเหตุที่พระสิวลีอยู่ในครรภ์นาน 7 ปี 
"ในชาติหนึ่งพระสิวลีเกิดเป็นกษัตริย์ ยกทัพไปล้อมเมืองข้าศึกเพื่อเอาเป็นเมืองขึ้น ล้อมอยู่7ปี กษัตริย์เมืองถูกล้อมไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งชาวเมืองเดือดร้อนมาก จึงลุกฮือขึ้นจับพระราชาของตน ยกเมืองให้กษัตริย์ผู้บุกรุกเพื่อยุติปัญหา เพราะผลบาปที่ทำไว้นั้น ท่านจึงต้องอยู่ในครรภ์ถึง7ปี กว่าจะคลอด หลังจากเสวยผลกรรมในนรกมานาน"

ข้อมุลโดย :อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ภาพประกอบโดย :PattyFromTheBlock

เก็บเล็กผสมน้อย...นกระวังไพร


"เก็บเล็กผสมน้อย...นกระวังไพร"

อ่านเจอบ่อยในนิยายแนวผจญภัยประเภทเข้าป่าล่าสัตว์ คราวก่อนโ้น้นมีโอกาสไปเดินศึกษาธรรมชาติที่เขาใหญ่และได้ยินเสียงนกร้องกันเป็นกลุ่มๆ เสียงเจี้ยวจ้าวดังพอสมควร ทราบจากอดีตพรานป่าว่านั้นคือ"นกระวังไพร" ...ในที่สุดเราก็ได้รู้จักกัน เสียงมันดังคอยเตือนว่า"มีคนมาๆๆๆ" ฮาๆๆ

วันนี้โอกาสดี โอกาสเหมาะก็เลยค้นหาข้อมูลเจ้านกประเภทนี้ดูสักหน่อยว่าเป็๋นอย่างไร อ่านแล้วปล่อยเลยผ่านไปก็เสียดาย ผมก็เลยเก็บมาเล่า เอามาฝากสหมิตรทีรักทุกท่านขอรับ ^^




นกระวังไพรปากเหลือง (White-browed Scimitar-Babbler) ทั่วโลกมี 13 ชนิดย่อย พบในประเทศไทย 6 ชนิดย่อย ซึ่งจะมีสีสันแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย และกระจายพันธุ์แยกท้องที่กันออกไป

นกชนิดนี้มักอยู่เป็นฝูงประมาณ 4-10ตัว หากินด้วยการบินและกระโดดไปตามพื้นดินและกิ่งไม้พุ่มเตี้ย ไม้พื้นล่างและต้นไม้สูง เสียงร้องดังสลับกันไปมา ทั้งเพื่อประกาศอาณาเขต เรียกร้องความสนใจจากนกตัวเมียและร้องเตือนภัยแก่สัตว์ชนิดอื่นๆ

อาหารของนกชนิดนี้ได้แก่ หนอน แมลง และผลไม้สุกที่ร่วงหล่นตามพื้น

ประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่นที่พบได้แทบทุกภาค

สถานภาพ : เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

ภาพและข้อมูลโดย
http://bit.ly/tERIzy

หนอนกระสือ


**ไม่เคยรู้ัจัก ไม่เคยได้ยิน...คุ้นแต่ชื่อหิ่งห้อย ได้ยินแต่คำว่ากระสือ แล้วหนอนกระสือมันคืออะไร?**

หนอนกระสือ (glowworm) หรือ หนอนของหิ่งห้อยหรือทิ้งถ่วง เป็นหนอนที่มีแสงเรืองในเวลากลางคืน

จะมีวงจรชีวิต ๑๘๕-๒๔๘ วัน(ประมาณ6เดือน - 8เดือน) โดยเริ่มจากไข่ (eggs) ใช้เวลา๓-๔วัน จะฟักเป็นตัวหนอน(larva) ใช้เวลาเป็นจอมเพชรฆาต ๑๕๔-๒๐๗ วันแล้วจึงเข้าดักแด้ ใช้เวลาอีก ๖-๗ วัน จึงจะเป็นตัวเต็มวัย ระยะนี้หิ่งห้อยจะกินแต่น้ำค้าง มีอายุขัย ๒๒-๓๐ วัน

โดยเพศเมียจะมีอายุยืนกว่าเพศผู้ ๕-๗ วัน

หนอนกระสือตัวเมียจะมีอวัยวะที่เรืองแสงอยู่บริเวณใต้ท้องซึ่งใช้ส่งสัญญาณไปยังปีกของตัวผู้ที่บินอยู่ด้านบน หนอนกระสือตัวเมียสามารถควบคุมการเปล่งแสงได้โดยจะใช้แสงต่อเมื่อต้องการดึงดูดตัวผู้เท่านั้น



หนอนกระสือกับระบบนิเวศน์
1.เป็นสัตว์ที่บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์และความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ แหล่งใดมีเจ้าตัวนี้มากๆ แสดงว่า พื้นที่แหล่งนั้น อากาศจะต้องดี ร่มเย็น เงียบสงบ น้ำสะอาด ไม่มีขยะพิษและสารเคมี

2.เป็นตัวห้ำ (Predator) กินกิ้งกือ ไส้เดือน แมลงตัวเล็ก หอยต่างๆ เป็นอาหาร ช่วยกำจัดหอยที่เป็นศัตรูพืชและหอยที่เป็นพาหะนำโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและพยาธิใบไม้ในลำไส้  ฯ  

3.สามารถผลิตแสงได้เอง โดยใช้อ๊อกซินเจนไปทำปฏิกิริยากับสารลูซิเฟอริน(Luciferin) เกิดแสงเย็น มีพลังงานความร้อนเพียง ๑๐ % ในขณะที่หลอดไฟฟ้า ปล่อยพลังงานความร้อนมากถึง ๙๕ %

ข้อมูลเบื้องต้นโดย 
บุหรัน รันตี "พราย"
ข้อมูลเพิ่มเติมโดย
http://www.gotoknow.org/posts/469270