๓๑ ก.ค. ๒๕๕๒
**เมือวานวันที่ ๓๐ เป็นวันที่อาตมาต้องขึ้นเเทศน์เนื่องในวันพระ ตอนเช้ามาก้อตื่นนอน สรงน้ำ และออกบิณฑบาตร
ตามปรกติ แต่เพราะเป้นวันพระจึงมีญาติโยมออกมาตักบาตรมากกว่าทุกวันแต่ยังดีที่มีรถส่งอาหารที่โยมถวายมาให้ที่วัด
แต่ถึงกระนั้นเลยญาติโยมก้อตักข้าวใส่บาตรกันเย่อะพอสมควรประมาณสักครึ่งบาตรได้ อาตมารุ้สึกปวดหลังอันที่จริงก้อ
เริ่มปวดทีละนิดจนมาถึงวัดจึงรุ้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หลังจากคัดแยกอาหารที่จะฉันตอนเช้าก้อเดินขึ้นมาที่พักชั้นสี่ นั่งพักผ่อน
สักหน่อยพอให้หายเหนื่อยก้อเริ่มฉัน ท้องตึง ลมพัดเย็นสบาย เคลิ้มดีทีเดียว ...
เสียงระฆังเป้นสัญญาณลงทำวัตรเช้าในโบสถ์ก้อดังขึ้น แต่เมื่อวานอาตมาไม่ได้ลงไปทำวัตรเช้าน่ะเพราะต้องการจะทบทวนลำดับขั้นตอนและเนื้อหาที่เทศน์ เป้นการเตรียมความพร้อมครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นขอเอนหลังพักผ่อนสักหน่อยตั้งเวลาปลุกเอาไว้ตอน ๐๙.๑๕ แล้วก้อลุกขึ้นสรงน้ำเพื่อให้ร่ายกายสะอาดและเพื่อความสดชื่น อุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมไม่จะเป้นบาตร ช้อนส้อม ทิชชู ถุงพลาสติกเอาไว้ใส่เศษอาหารตอนเพลและที่ลืมไม่ได้คือหนังสือมนต์พิธีที่ต้องน้ำญาติโยมสวดกับเรื่องที่ต้องเทศน์ " การเตือนตนให้เป้นคนดี " สำหรับการนุ่งห่มจีวรก้ได้ท่านปุ่นและท่านตุ้ยมาช่วย มื่อทุกอย่างพร้อมก้อเดินลงไปอย่างมั่นใจ มุ่งหน้าไปที่ศาลา
ระหว่างที่จะเดินขึ้นศาลาก้อได้ยินเสียงนิมนต์พระที่จะขึ้นเทศน์ อาตมาเดินผ่านประตุศาลาใช้สายตากวาดมองญาติโยมทุกคนเท่าที่จะทำได้ วางบาตร หนังสือมนต์พิธีและใบลาน กราบพระสามครั้งอย่างตั้งใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมอาตมาก้อเดินตรงไปที่ธรรมมาสน์ ก้าวขึ้นบันไดธรรมมมาสน์อย่างช้าๆ นั่งพับเพียบเรียบร้อย จัด ไมค์โครโฟน ในขณะนั้นญาติโยมก้อเริ่มอาราธนาศีล รอบที่หนึ่งผ่านไป รอบที่สองผ่านไป พอถึงรอบที่สามทันทีที่ได้ยินคำว่า " ทุติยัมปิ" อาตมาก้อใช้มือขวาเอื้อมไปหยิบตาลปัตรขึนมาทันที พอจบบทที่สามอาตมาก้อขึ้นน้ำและญาติโยมว่าตาม เริ่มด้วย " นโม สามจบ " ตามด้วยบท " พุทธัง สะระณัง คัทฉามิ สามเที่ยว " แล้วต่อด้วยอุโบสถศีลหรือศีล ๘
หลังจากนั้นอาตมาก็สวดต่อรุปเดียวไปอีกนิดหน่อย หลังจากนั้นก็กล่าวว่า" เจิรญพร ญาติโยมและสาธุชนทั้งหลายที่มาทำบุญในวันพระวันนี้ วันนี้อาตมาภาพจะแสดงพระธรรมเทศนาในหัวข้อเรื่อง การเตือนตนให้เป้นคนดี ขอให้ญาติโยมตั้งใจสดับรับฟังตามสมควรแก่เวลาต่อไป " แล้วอาตมาก้อสวดบทนโม ๕ ชั้น " นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุธธัสสะนะโมตัสสะ....." จบบทนี้ก้อ
เริ่มเทศนาตามใบลานที่อยุ่มือทันที เทศนาไปอาตมาก้อไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองไปที่ญาติโยมเป้นระยะ ไม่ได้ก้มหน้าก้มตาตะบี้ตะบันอ่านให้จบ ยิ่งไปกว่านั้น
อาตมาก้อใช้น้ำเสียงหนัก เบา ลากคำ เพื่อให้การเทศนาน่าสนใจไม่ราบเรียบน่าเบื่อ ทักษะด้านนี้ต้องขอบใจในอาชีพไกด์ที่ได้ทำมาเพราะสามารถนำมาใช้ได้
โดยตรง มือข้างหนึ่งถือใบลานอีกข้างวางไว้ที่หน้าตัก มีอยุ่บางจังหวะเหมือนกันที่พอเครื่องติดเกือบจะยกมืออีกข้างมาประกอบการเทศนาไปด้วย
ใช้เวลาไปสักพักไม่นานก้อจบการเทศน์แต่โยมรุ้ไหม ขาซ้ายชาไปหมด ไม่มีความรุ้สึกใดๆทั้งสิ้น รุ้แต่ว่าขามันใหญ่มาก ต้องนั่งต่ออีกสักพักแล้วค่อยลงมาจาก
ธรรมมาสน์อย่างช้าๆเพราะจีวรอาจจะไปเกี่ยวกับบันไดได้ อันที่จริงช่วงที่จะลงจากธรรมมาสน์อาตมาก้อเรียกโยมผุ้ชายคนหนึ่งที่นั่งหน้าธรรมมาสน์ว่าจะให้เขามาช่วยพยุงตอนลงหน่อย แต่เขาไม่ได้ยิน! ลงมาได้อาตมาก้อเดินโขยกเขยงตรงไปที่ฉันเพลทันที!
เมื่อวานโยมแม่ โยมน้องและโยมป้อก้อมาทันฟังอาตมาตอนนำสวดพอดี ก้อได้ทั้งสองโยมนี่แหละที่ช่วยกันถ่ายรูปและอัดวีดีโอสั้นๆเก็บเอาไว้เป้นที่ระลึก
แน่นอนโยมแม่ต้องเตรียมอาหารมาประเคนถวายด้วยเป้นขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้และลอดช่อง
เสร็จจากเพลก้อพูดคุยกับโยมแม่ โยมน้องและโยมป้อนิดหน่อย ประมาณว่าเช๊คเรทติ้งการเทศน์ คำตอบที่ได้ก้อเป้นที่น่าพอใจ แต่โดยส่วนตัวแล้ว
อาตมาค่อนข้างพอใจมากทีเดียวสำหรับการขึ้นเทศน์เมื่อวาน รุ้สึกมีความสุข มีความยินดีเป้นอย่างมาก อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ด้ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์
ในขณะที่บวชเป้นพระ อานิสงฆ์ครั้งนี้อาตมาก้อขอเผื่อแผ่ให้ญาติโยมทุกคนด้วยเทอญ!
เจิรญพร ๑๓.๐๐ ห้องนวกะเบอร์สี่ วัดสุวรรรณประสิทธิ์
ปล. ที่นั่งบนธรรมมาสน์นั่งได้พอดีเลย คนที่อ้วนมากเกินไปคงไม่มีสิทธ์
สำหรับการนำสวดอาตมาก้อเปิดหนังสือน่ะโยม ยังไม่เก่งถึงขึ้นสวดปากเปล่าได้ ใช้จังหวะที่ยกตาลปัตรขึ้นมาตั้งข้างหน้า ตาก็ต้องเหลือบมองบทสวด
ที่วางด้านล่าง มองขนาดที่ว่าห้าม!!! อ่านผิดโดยเดีดขาด สรุปคือที่ยากของการเทศน์คือการนำสวดและนั่งพับเพียบเป้นเวลาไม่ตำกว่าครึ่งชั่วโมง