บันทึกฐานยุตโต : เตือนตนให้เป้นคนดี



๓๑ ก.ค. ๒๕๕๒


**เมือวานวันที่ ๓๐ เป็นวันที่อาตมาต้องขึ้นเเทศน์เนื่องในวันพระ ตอนเช้ามาก้อตื่นนอน สรงน้ำ และออกบิณฑบาตร

ตามปรกติ แต่เพราะเป้นวันพระจึงมีญาติโยมออกมาตักบาตรมากกว่าทุกวันแต่ยังดีที่มีรถส่งอาหารที่โยมถวายมาให้ที่วัด

แต่ถึงกระนั้นเลยญาติโยมก้อตักข้าวใส่บาตรกันเย่อะพอสมควรประมาณสักครึ่งบาตรได้ อาตมารุ้สึกปวดหลังอันที่จริงก้อ

เริ่มปวดทีละนิดจนมาถึงวัดจึงรุ้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หลังจากคัดแยกอาหารที่จะฉันตอนเช้าก้อเดินขึ้นมาที่พักชั้นสี่ นั่งพักผ่อน

สักหน่อยพอให้หายเหนื่อยก้อเริ่มฉัน ท้องตึง ลมพัดเย็นสบาย เคลิ้มดีทีเดียว ...


เสียงระฆังเป้นสัญญาณลงทำวัตรเช้าในโบสถ์ก้อดังขึ้น แต่เมื่อวานอาตมาไม่ได้ลงไปทำวัตรเช้าน่ะเพราะต้องการจะทบทวนลำดับขั้นตอนและเนื้อหาที่เทศน์ เป้นการเตรียมความพร้อมครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นขอเอนหลังพักผ่อนสักหน่อยตั้งเวลาปลุกเอาไว้ตอน ๐๙.๑๕ แล้วก้อลุกขึ้นสรงน้ำเพื่อให้ร่ายกายสะอาดและเพื่อความสดชื่น อุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมไม่จะเป้นบาตร ช้อนส้อม ทิชชู ถุงพลาสติกเอาไว้ใส่เศษอาหารตอนเพลและที่ลืมไม่ได้คือหนังสือมนต์พิธีที่ต้องน้ำญาติโยมสวดกับเรื่องที่ต้องเทศน์ " การเตือนตนให้เป้นคนดี " สำหรับการนุ่งห่มจีวรก้ได้ท่านปุ่นและท่านตุ้ยมาช่วย มื่อทุกอย่างพร้อมก้อเดินลงไปอย่างมั่นใจ มุ่งหน้าไปที่ศาลา


ระหว่างที่จะเดินขึ้นศาลาก้อได้ยินเสียงนิมนต์พระที่จะขึ้นเทศน์ อาตมาเดินผ่านประตุศาลาใช้สายตากวาดมองญาติโยมทุกคนเท่าที่จะทำได้ วางบาตร หนังสือมนต์พิธีและใบลาน กราบพระสามครั้งอย่างตั้งใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมอาตมาก้อเดินตรงไปที่ธรรมมาสน์ ก้าวขึ้นบันไดธรรมมมาสน์อย่างช้าๆ นั่งพับเพียบเรียบร้อย จัด ไมค์โครโฟน ในขณะนั้นญาติโยมก้อเริ่มอาราธนาศีล รอบที่หนึ่งผ่านไป รอบที่สองผ่านไป พอถึงรอบที่สามทันทีที่ได้ยินคำว่า " ทุติยัมปิ" อาตมาก้อใช้มือขวาเอื้อมไปหยิบตาลปัตรขึนมาทันที พอจบบทที่สามอาตมาก้อขึ้นน้ำและญาติโยมว่าตาม เริ่มด้วย " นโม สามจบ " ตามด้วยบท " พุทธัง สะระณัง คัทฉามิ สามเที่ยว " แล้วต่อด้วยอุโบสถศีลหรือศีล ๘


หลังจากนั้นอาตมาก็สวดต่อรุปเดียวไปอีกนิดหน่อย หลังจากนั้นก็กล่าวว่า" เจิรญพร ญาติโยมและสาธุชนทั้งหลายที่มาทำบุญในวันพระวันนี้ วันนี้อาตมาภาพจะแสดงพระธรรมเทศนาในหัวข้อเรื่อง การเตือนตนให้เป้นคนดี ขอให้ญาติโยมตั้งใจสดับรับฟังตามสมควรแก่เวลาต่อไป " แล้วอาตมาก้อสวดบทนโม ๕ ชั้น " นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุธธัสสะนะโมตัสสะ....." จบบทนี้ก้อ

เริ่มเทศนาตามใบลานที่อยุ่มือทันที เทศนาไปอาตมาก้อไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองไปที่ญาติโยมเป้นระยะ ไม่ได้ก้มหน้าก้มตาตะบี้ตะบันอ่านให้จบ ยิ่งไปกว่านั้น

อาตมาก้อใช้น้ำเสียงหนัก เบา ลากคำ เพื่อให้การเทศนาน่าสนใจไม่ราบเรียบน่าเบื่อ ทักษะด้านนี้ต้องขอบใจในอาชีพไกด์ที่ได้ทำมาเพราะสามารถนำมาใช้ได้

โดยตรง มือข้างหนึ่งถือใบลานอีกข้างวางไว้ที่หน้าตัก มีอยุ่บางจังหวะเหมือนกันที่พอเครื่องติดเกือบจะยกมืออีกข้างมาประกอบการเทศนาไปด้วย


ใช้เวลาไปสักพักไม่นานก้อจบการเทศน์แต่โยมรุ้ไหม ขาซ้ายชาไปหมด ไม่มีความรุ้สึกใดๆทั้งสิ้น รุ้แต่ว่าขามันใหญ่มาก ต้องนั่งต่ออีกสักพักแล้วค่อยลงมาจาก

ธรรมมาสน์อย่างช้าๆเพราะจีวรอาจจะไปเกี่ยวกับบันไดได้ อันที่จริงช่วงที่จะลงจากธรรมมาสน์อาตมาก้อเรียกโยมผุ้ชายคนหนึ่งที่นั่งหน้าธรรมมาสน์ว่าจะให้เขามาช่วยพยุงตอนลงหน่อย แต่เขาไม่ได้ยิน! ลงมาได้อาตมาก้อเดินโขยกเขยงตรงไปที่ฉันเพลทันที!


เมื่อวานโยมแม่ โยมน้องและโยมป้อก้อมาทันฟังอาตมาตอนนำสวดพอดี ก้อได้ทั้งสองโยมนี่แหละที่ช่วยกันถ่ายรูปและอัดวีดีโอสั้นๆเก็บเอาไว้เป้นที่ระลึก

แน่นอนโยมแม่ต้องเตรียมอาหารมาประเคนถวายด้วยเป้นขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้และลอดช่อง


เสร็จจากเพลก้อพูดคุยกับโยมแม่ โยมน้องและโยมป้อนิดหน่อย ประมาณว่าเช๊คเรทติ้งการเทศน์ คำตอบที่ได้ก้อเป้นที่น่าพอใจ แต่โดยส่วนตัวแล้ว

อาตมาค่อนข้างพอใจมากทีเดียวสำหรับการขึ้นเทศน์เมื่อวาน รุ้สึกมีความสุข มีความยินดีเป้นอย่างมาก อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ด้ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์

ในขณะที่บวชเป้นพระ อานิสงฆ์ครั้งนี้อาตมาก้อขอเผื่อแผ่ให้ญาติโยมทุกคนด้วยเทอญ!


เจิรญพร ๑๓.๐๐ ห้องนวกะเบอร์สี่ วัดสุวรรรณประสิทธิ์


ปล. ที่นั่งบนธรรมมาสน์นั่งได้พอดีเลย คนที่อ้วนมากเกินไปคงไม่มีสิทธ์

สำหรับการนำสวดอาตมาก้อเปิดหนังสือน่ะโยม ยังไม่เก่งถึงขึ้นสวดปากเปล่าได้ ใช้จังหวะที่ยกตาลปัตรขึ้นมาตั้งข้างหน้า ตาก็ต้องเหลือบมองบทสวด

ที่วางด้านล่าง มองขนาดที่ว่าห้าม!!! อ่านผิดโดยเดีดขาด สรุปคือที่ยากของการเทศน์คือการนำสวดและนั่งพับเพียบเป้นเวลาไม่ตำกว่าครึ่งชั่วโมง



บันทึกฐานยุตโต: วันสุดท้ายของการอบรมแต่พรุ่งนี้ขึ้นเทศน์

๒๙ ก.ค. ๒๕๕๑

**วันนนี้ก้อเป้นการสิ้นสุดการอบรมพระนวกะในเขตลาดพร้าว - บึงกุ่มจำนวน ๑๕๕ รูป พร้อมกับรับประกาศนียบัตรซึงประธานในพิธีคือ
รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร นี้ถือว่าเป้นใบประกาศใบแรกที่ได้จากการบวชคงต้องเอาใส่กรอบเก็บเอาไว้เป้นที่ระลึกที่บ้านล่ะโยม!
หลังเสร็จสิ้นการอบรมก้อต้องขึ้นมาเปลี่ยนชุดเพื่อปัดกวาเชีดถู ทำความสะอาดศาลาสำหรบวันพระพรุ่งนี้ ไม่ทันหายเหนื่อยเสียงระฆังก้อดังขึ้น
เป้นสัญญาณบอกว่าได้เวลาลงโบสถ์ทำวัตรเย็น เหงื่อไม่ทันแห้งเลยโยม! ต้องรีบอาบน้ำชำระเหงื่อไคล้ออกให้หมด ไม่งั้นเข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์
ไม่มีสมาธิแน่ วันนี้ช่วงบ่ายโปรแกรมแน่นเอียดเพิ่งจะได้มีเวลาพักนี่แหละ ! เมื่อตะกี้ก้อเพิ่งไปทวนบทสวดที่ต้องนำญาติโยมสวดและขั้นตอนอีกครั้ง
เพื่อความแน่ใจและมั่นใจ ยังไงก้อจะทำเต็มที่ เต็มความสามารถ จะผิดจะพลาดอย่างไรค่อยว่ากันอีกทีหลังจากนั้น แต่อาตมาไม่คิดมากหรอกเพราะทุกอย่าง
ต้องมีการเริ่มต้น ความผิดพลาดย่อมมี ย่อมเกิดขึ้นเป้นธรรมดาแต่จะให้พลาดน้อยที่สุด แต่ไอ้ที่น่ากลัว น่ากังวลคือการนั่งพับเพียบเป้นเวลาอย่างน้อย
ครึ่งชั่วโมงนี่สิ ลองนั่งมาแล้วตอนสวดมนต์ในโบสถ์ ผลเป้นไงน่ะเหรอ...เหน๊บกินขาซ้ายหมดความรุ้สึกไปเลย เมื่อตอนเย็นก้อแอบแหย่พระอาจารย์ไปแล้วว่า
หลังเทศน์เสร็จถ้ายังไม่ลงจากธรรมมาสน์จนผิดสังเกตแสดงว่าเหน๊บกินลงไม่ได้ต้องช่วยกันหามลงมา
สำหรับบทสวดคงเอาหนังสือไปกางแหละโยม ไม่อยากอวดเก่งเพราะมันจะเละเป้นโจ๊ก ทำตามกำลังความสามารถของเราเป้นดีที่สุด!!!

ระหว่างการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมีตากล้องประจำวัดถ่ายรูปให้ด้วย ไม่ฟรีน่ะ! ต้องเสียเงิน วันนี้ไปแว่บๆดูรูปมาหน่อยหนึ่ง พรุ่งนี้มีเวลาจะลงไปคัดเอารูป
สวยๆเก็บใส่กรอบเอาไว้เป้นที่ระลึก

ตลอดเจ๊ดวันที่ผ่านมาของการอบรมอาตมาได้รับความรุ้ใหม่ๆมาพอสมควร จะทยอยถ่ายทอดให้โยมๆก้นน่ะ พรุ่งนี้เป้นวันพระหมายถึงวันหยุดของพระ!!
ขำๆๆน่ะโยม แต่วัดอาตมายังต้องออกเดินบิณฑบาตรตามปกติไม่หยุดคือเดินบิณฑบาตรกันทุกวันจนกว่าจะมีคำสั่งจากเจ้าอาวาสว่าวันไหนหยุด นั้นแหละถึงจะ
ได้หยุด! ตอนนี้ซ้นเท้าอาตมาก้อแตกและแข๊งสวยงาม เท้าแข๊งและหนาขึ้นมาก แต่หน้าบางลงไปเย่อะ....ตีนหนา แต่หน้าบาง
หัวเขาที่ผ่านการคุกเข่านั่งสวดมนตืมาเกือบเดือนก้อด้านแล้วด้านอีก... คอที่ต้องพาดสายบิณฑบาตรทุกวันก้อมีร่องรอยทิ้งค้างเอาไว้ให้เห็น !!
ของเหล่านี้ถือเป้นของฝาก ของขวัญชิ้นดีทีเดียว หลวงพี่บางรูปน่ะท่านเจ๊บคอต้องเอาผาผืนเล๊กมารองกันสายบาตรเอาไว้จะได้ไม่เจ็บต้นคอและไม่เป้นรอย
แต่อาตมาไม่สนเพราะยังไงมันก้อต้องผ่านพ้นไปจนได้ จากวันแรกที่เจ๊บ ที่ปวดเสบปวดร้อน จนไม่มีความรุ้สึกเพราะว่าชินแล้ว แต่ร่องรอยยังมีให้เห้นอย่าง
ชัดเจน!!!

ช่วงนี้รู้สึกปวดหลัง เมื่อยขาเหมือนมันจะตึง พุร่งนี้วางแผนว่าจะนวดเพราะมีโยมคนหนึ่งที่วัดนวดฝีมือดีมาก คงจะต้องลองสักหน่อย ไม่ต้องห่วงโยม!!
หมอนวดเป้นผุ้ชายอายุพอสมควรแล้วล่ะ

เป้นพระใหม่หรือพระนวกะนี่หมายถึงต้องแต่ ๑ - ๕ พรรษาน่ะโยม หลัง ๕ พรรษาไปแล้วถึงจะได้ใบสุทธิหรือบัตรประจำตัวพระ ถึงแม้ว่าจะเป้นพระใหม่
ถ้าจะไปรพ.สงฆ์สามารถแจ้งให้ทางวัดออกใบรับรองให้ได้...ไปทำไมน่ะเหรอ อ้าวก้อเพราะว่ารักษาฟรีไงโยม ไม่ต้องเสียเงิน!! แต่อาตมายังไม่คิดจะมีกิจ
ไปเที่ยวโรงพยาบาลหรอกน่ะ! ร่างกายยังแข๊งแรงดีทุกประการ น้ำหนักปัจจุบันอยุ่ที่ ๖๕ - ๖๖ กิโลกรัม

เจริญพร ๒๐.๔๖ ห้องนวกะเบอร์สี่ ชั้นสี่ ตึกวิปัสสนา วัดสุวรรณประสิทธิ์

บันทึกฐานยุตโต: นับถอยหลังก่อนขึ้นเทศน์

๒๘ ก.ค. ๒๕๕๒

**วันนี้เป้นวันจันทร์ที่ ๒๘ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันอาตมาก้อจะต้องขึ้นธรรมมาสน์เทศน์แล้วน่ะโยม !
เมื่อตอนหัวค่ำอาตมากราบเรียนอาจารย์ขอซ้อมใหญ่กับอาจารย์คืนวันพรุ่งนี้ตอนหัวค่ำ จะเป้นการซ้อมก่อนขึ้นจริง
เมื่อสักครู่ก้อโทรคุยกันโยมน้องทราบว่าในวันนั้นโยมน้องจะลางานพาโยมแม่มาฟังอาตมาเทศน์
แน่นอน! อาตมาไม่ลืมที่จะกำชับให้เอากล้องถ่ายรูปมาด้วยเพื่อเก็บเอาไว้เป้นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งในชีวิตขณะที่บวชเป้นพระ
ที่วัดจะมีพระใหม่ขึ้นเทศน์ทุกปี ในชีวิตขณะที่เป้นพระจะมีสักกี่ครั้งที่จะได้มีโอกาสทำเช่นนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้นพระใหม่ที่ตั้งใจบวชเพียงพรรษาเดียว ยังไงอาตมาจะเอารุปมาฝากญาติโยมทุกคนน่ะ!

**วันนี้เป้นวันที่สามที่อาตมาเปลี่ยนเส้นทางการเดินบิณฑบาตรใหม่กับพระอาจารย์ไพบุลย์ เดินสบายขึ้นเย่อะเลยล่ะโยม
อาทิ ไม่ต้องออกบิณฑบาตรแต่เช้ามืดเพราะกับพระอาจารย์ไพบูลย์เริ่มออกเดินตอน ๐๕.๔๐ และกลับมาถึงวัดประมาณสักก่อนเจ๊ดโมงสักสิบนาที
ของที่ได้จากการบิณฑบาตรก้อไม่ต้องแบกกลับมาเองเพราะมีโยมขี่มอเตอร์ไซด์มาส่งให้ อีกทั้งเส้นการการเดินก้ไม่ไกลคือเดินตรงเข้าหมู่บ้านทันที
บ้านอาตมาอยุ่ซอยสิบ แต่บ้านอาจารย์อยุ่ซอยห้า เพราะฉะนั้นอาตมาก้อเดินมาถึงแค่ซอยห้าเท่านั้นแล้วก้เดินเป้นวงกลมหลังจากนั้นก้อเดินกลับวัดทันที
ลำบากโยมแม่หน่อยที่ต้องออกมายืนรออาตมาที่ซอยห้าแทนที่อาตมาจะเดินไปรับบาตรที่ซอยสิบหน้าบ้าน ก่อนหน้านี้เดินกับหลวงพี่เล๊กต้องรีบเดินให้ทันท่าน
แต่กับอาจารย์เดินสบายๆ ไม่ต้องรีบ อีกทั้งอาจารย์ก้อใจเย็น ใจดี ความรุ้สึกช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง สรุปคือดีกว่าเดิมเย่อะเลยโยม

**ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เป็นต้นมาจนถึงวันนี้การอบรมพระนวกะในเขตลาดพร้าว-บึงกุ่มเกือบจะจบแล้ว เหลือพรุ่งนี้อีกหนึงวันเท่านั้น
พรุ่งนี้ตอนบ่ายหลังจากวิทยากรบรรยายจบจะมีการแจกประกาศนียบัตรให้พระนวกะทุกรุป แล้วอาตมาจะเอามาอวดน่ะ
วิทยากรที่มาให้ความรุ้แต่ล่ะวันและเรื่องที่บรรยายก้อน่าสนใจทั้งนั้น แล้วอาตมาจะมาขยายอีกทีน่ะว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เพราะว่าระหว่างที่ฟังบรรยาย
อาตมาก้อได้จดเอาไว้นิดหน่อยเพื่อประดับความรุ้ สำหรบวิทยากรนั้นมีดังนี้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ ท่าเตียน , อ.สุรวงษ์ วัฒนางกูล นังปาฐกถาชื่อดัง ,
พระครุปลัด ผุ้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง สามพราน นครปฐม , พระครู เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี , ทนายวันชัย สอนศิริ จากรายการคนหัวหมอ ,
ดร.ผาณิต กันตามระ และพรุ่งนี้เป็นพระอาจารย์จากวัดสุทัศน์
เนื้อหาที่บรรยายมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ เอาไว้ให้จบการอบรมอาตมาจะนำความรุ้ที่จะได้มาเผยแพร่ให้ญาติโยมได้ทราบกันทั่วหน้าเลยน่ะ
ในมุมมองของอาตมาเป้นเรื่องที่น่าสนใจมากที่เดียว นี้แค่ฉายหนังตัวอย่างของจริงจะตามมาเร๊ววันนี้

เจริญพร ๒๑.๐๖ ในห้องนวกะเบอร์สี่ ชั้นสี่ ตึกวิปัสสนา

บันทึกฐานยุตโต: ๓๐ ก.ค. ๒๕๕๒ ๑๐.๓๐ showtime!

๒๖ ก.ค. ๒๕๕๒

**อีกแล้วโยมวันพระที่ ๓๐ ก.ค. ที่จะถึงนี้อาตมาจะต้องขึ้นเทศน์เนื่องจากหลวงพี่ที่จะต้องขึ้นสัปดาห์นี้ยังไม่พร้อม อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าจะขึ้นเทศน์หรือเปล่า เมื่อตะกี้เพิ่งจะซ้อมกับพระอาจารย์นัฐเสร็จสดๆร้อนๆเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนหัวค่ำวันนี้ในขณะที่อาตมากำลังจะเดินไปสรงน้ำเพื่อพักผ่อนก็ได้ยินพระอาจารย์ถามหาพระป้ำ อาตมาเดินเข้าไปพร้อมยกมือไหว้พระอาจารย์ พระอาจารย์ถามว่าขึ้นเทศน์วันพระที่จะถึงไหวไหมเพราะท่านโตนขอผ่าน จะช้าจะเร็วก็ต้องโดนอยู่แล้วอาตมาอาตมานึกในใจก็ตอบรับท่านอาจารย์ไป สรงน้ำอย่างรวดเร็วและแต่งตัวเข้าไปซ้อมวิธีการและขั้นตอนการเทศน์กับพระอาจารย์ ในวันนั้นอาตมาต้องลงไปที่ศาลาเร็วกว่าปกติคือ ๑๐.๐๐ น. และขึ้นธรรมมาสน์ก่อน ๑๐.๓๐ น. เดินไปขึ้นธรรมมาสน์เองไม่ได้น่ะ! โยมต้องมานิมนต์ก่อน ซ้อมสวดอุโบสถศีลหรืิอศีล ๘ เพื่อให้โยมว่าตาม หลังจากนั้นก็เทศน์โดยการอ่านตามใบลาน...มีเวลาเพียงครึ่งขั่วโมง ถ้าได้ยินเสียงเคาะไมค์ตัองรีบจบเพราะนั้นเป็นสัญญาณว่าเกินเวลาแล้ว ปัญหามีสองอย่างคือต้องนั่งพับเพียบอย่างน้อย ๓๐ นาที เมื่อกี้นั่งไปสิบกว่านาทีขาชาไปเรียบร้อย! อีกปัญหาที่อาจารย์เตือนคือการลงจากธรรมมาสน์ต้องระวัง มิฉะนั้นจีวรอาจจะไปเกี่ยวกับธรรมมาสน์ได้!
ตอนทำงานเป็นไกด์ก็จับไมค์โครโฟนพูดให้ฝรั่งฟัง แต่คราวนี้บวชเป็นพระไม่คิดว่าจะได้จับไมค์อีกครั้งแต่เป็นการเทศน์แทน! ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้ขึ้นเทศน์ ถือว่าเป็นบุญกุศลที่มีโอกาสที่ดีเช่นกัน โอกาสมีไม่บ่อยเมื่อได้รับแล้วก็ต้องทำให้ดีทีสุด! อาตมาก็มีความรู้สึกสองอย่างน่ะคือตื่นเต๊นและดีใจ! ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ

เจริญพร! ๒๐.๕๐

ปล. ที่จริงมีเรื่องอื่นจะเขียนแต่เรื่องนี้แทรกเขามาก่อน ก็ต้องรีบแจ้งให้โยมๆทราบกัน เหลือเวลาอีกสามวันเท่านั้น! รับรองจะทำให้ดีที่สุด ทุกๆอย่างต้องมีการเริ่มต้น!

บันทึกฐานยุตโต:

๒๓ ก.ค. ๒๕๕๒

**เปลี่ยนสายเดินบิณทบาตร วันเสาร์ที่จะถึงนี้ถ้่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอาตมาคงจะต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินบิณทบาตรจากหลวงพี่เล็กเป็นพระอาจารย์ประยุทธ เส้นทางที่เดินก็จะสั้นลงและแน่นอนโยมแม่ยังคงได้ตักบาตรเหมือนเช่นเดิมรวมทั้งโยมยายด้วย วันนี้ตอนเช้าช่วงที่เอาอาหารที่ได้จากการบิณทบาตามากองรวมและคัดเลือกสิ่งที่เราจะฉันเข้าและเพล อาตมาก็ได้แนะนำตัวกับพระอาจารย์เรียบร้อยแต่ไม่ได้เรียนพระอาจารย์ว่าจะย้ายมาเดินด้วย เรื่องนี้โยมลุงไสวที่อยู่ติดกับบ้านอาตมาจะคุยให้ในวัรพรุ่งนี้ตอเข้า ผลเป็นประการใดพรุ่งนี้ทราบโยม!

**วันนี้เป็นวันแรกของการอบรมเพิ่มเติมพระนวกะในเขตลาดพร้าว - บึงกุ่มจำนวนสิบวัด หรือพระประมาณ ๑๒๐ รูป เริ่มในเวลา ๑๓.๐๐ น. โดยพระอาจารย์ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพลได้บรรยายและอบรมพระใหม่เป็นเวลาสองชั่วโมงด้วยกัน
เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. พักเบรคเข้าห้องน้ำ ฉันน้ำปานะ
เวลา ๑๕.๓๐ - ๑๗.๓๐ น. ฝึกการนั่งสมาธิและเจริญวิปัสสนา หลังจากนั้นเป็นอันเสร็จสิ้นกิจกรรมวันแรก สำหรับวิทยากรผู้บรรยายจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันโยมแต่รายการที่เหลือเหมือนเดิม ! ยังไม่จบโยมเสร็จการอบรมประจำวันแล้วต้องเข้าโบสถ์เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเย็นต่อ...นี่แหละถึงจะเสร็จสิ้นทุกอย่าง ได้เวลากลับขึ้นห้อง..อาบน้ำ..ฉันกาแฟร้อนใส่โอวัลติน สบาย! ค่อยยังชั่วหน่อย..

**"พระอาจารย์เอกและการปริวาสกรรม" เรื่องของพระอาจารย์เอกอาตมาเพิ่งเคยจะะรู้จักท่านที่วัด ก่อนหน้านี้ท่านมาที่วัดครั่งหนึ่งแล้วแต่พักอีกตึกที่อยู่ติดกันในชั้นที่สาม แรกเริ่มอาตมารู้จักแต่ขื่อและหน้าตายังไม่มีโอกาสพูดคุย แต่รูกจักท่านผ่านการเล่าของท่านตึ้งพระนวกะห้องเบอร์หนึ่ง เมื่อวานซืนหล้งจากทำวัตรเช้าได้เจอท่านก็ได้แสดงความเคารพท่านพูดคุยกันสองสามคำเป็นภาษาใต้ ตกเย็นวันเดียวกันท่านขึ้นมาชั้นสี่เพื่อดื่มกาแฟที่ห้องท่านตึ้งเบอร์หนึ่ง นั้นแหละถึงได้มีโอกาสได้นั่งคุยกัน ก่อนพระอาจารย์เอกตะมาบวชเป็นพระ ท่านเคยรับราชการเป็นตชด.มาก่อนแต่ชะตาพลิกผันทำให้ท่านมาบวชเป็นพระ ปีนี้ก็จะเป็นพรรษาที่ ๑๑ สาเหตุที่ท่านขึ้นมาจำวัดที่นี้เพราะท่านต้องการเรียนอภิธรรมและท่านอาจารย์เอกก็จำวัดอยู่ที่ตึกพระที่เรียนอภิธรรมชั้นสาม

อันที่จริงท่านจำวัดอยู่วัดชายนา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ( บ้านเดียวกับอาตมา) วัดนี้เป็นวัดที่จัดงานศพพ่อของอาตมาเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๘ และอัฐิของโยมพ่อก็เก็บเอาไว้ที่วัดนั้น ล่าสุดที่อาตมาได้มีโอกาสลงไปน่าจะประมาณห้าปีที่แล้วเรื่องด้วยงานทำให้มีโอกาสได้กลับไปไหว้โยมพ่อ ผลบุญครั้งนี้จากการบวชและสวดมนต์ทุกวันก็ส่งให้โยมพ่อด้วย

พออาตมาบอกเรื่องโยมพ่อไป ท่านอาจารย์ก็ถามนามสกุล
"ทิพรัตน์ ครับ" อาตมาตอบไป ท่านอาจารย์ก็นึกออก ก่อนออกพรรษาอาตมาคงตะฝากเงินให้อาจารย์ไปทำบุญให้โยมพ่อสักหน่อย

พระอาจารย์เอกบวบมา ๑๑ พรรษา เดินทางไปจำวัดต่างๆมามากมาย ทั้งมาเลเซีย จังหวัดทางใต้ ทางอีสาน ทางเหนือ ทางตะวันตก ท่านไปทั่วเลย มีประสบการณ์เล่าให้ฟังมากมาย รวมทั้งบทสวดมนต์ท่านก็แนะให้ว่าบทไหนควรจะสวดก่อนนอน ประสบการณ์บางเรื่อวที่ท่ารเล่าให้ฟังมันเหลือเชื่อจริงๆ สำหรับเรื่องปริสวาสกรรมท่านรับเป็นธุระที่จะเลือกสถานที่ให้ ท่านยังแนะนำอีกว่าหลังเสร็จพิธีปริสวาสกรรมถ้าใครอยากสึกให้สึกที่นั้นเลยเพราะเราจะบริสุทธิ์ที่สุดหลังพิธี อีกอย่างจะมีพระในโบสถ์ทำพิธีีสวดชะยันโตให้ประมาณ ๒๐ รูป ปกติถ้าสึกทั่วไปมีเพียง ๔ รูป ! ของดีๆ เรื่องดีๆ ยังทยอยเข้ามาเรื่อยๆ...ผีสาง เปรต เทวดา นางไม้ มีจริงหรือไม่? คิดกันเอาเองน่ะ

**ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนนอนหลังจากที่ได้พูดคุยสอบถามประสบการณ์และได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์เอก อาตมาก็เริ่มสวดมนต์ก่อนนอน(อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกก่อนนอน ตั้งแต่มาอยู่ที่วัดยังไม่เคยปฏิบัติเลย..) แผ่เมตตาและนั่งสมาธิก่อนนอน ตั้งใจจะปฏิบัติทุกคืนไม่ให้ขาด
สำหรับบทที่สวดก็เริ่มด้วยบทถวายพรพระ บทคาถาพาหุง
บทจัดธรรมะจักร บทชินนะบัญชร บทเมตตาและแผ่เมตตาเป็นบทสุดท้าย หลังจากนั้นก็ปฏิบัตินั่งสมาธิวันบะสิบนาทีแล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นๆเรื่อยๆ..ต้องหมั่นฝึกให้บ่อยๆผลที่ได้ก็ตัวอาตมาเอง อีกทั้งมีความจำเป็นต้องนำไปปฏิบัติอย่างเข้มงวดช่วงอยู่ปริวาสกรรม ๙ วัน ๙ คืน
ทุกครั้งหลังนั่งสมาธิต้องไหว้พระและแผ่เมตตา!! สำหรับโยมที่สนใจยทสวดมนต์สามารถนำไปปฏิบัติได้ แต่ถือแค่ศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ก็พอ หนังสือที่ใข้สวดชื่อ"มนต์พิธี" เล่มสีเหลือง เริ่มด้วยหน้า ๑๒๘-๑๓๑ , ๘๖ , ๑๖๘
๓๑ และหน้า ๒๗๓

เจริญพร
๒๔ ก.ค. ๒๕๕๒ ๑๐.๑๐

บันทึกฐานยุตโต:

๒๒ ก.ค. ๒๕๕๒

**วันนี้เป็นวันพระใหญ่ครั้งที่สองหลังจากวันเข้่าพรรษาที่ผ่านมา เช้านี้ญาติโยมก็ออกมาตักบาตรกันหนาตากว่าปกติ โชคดีที่ฝนไม่ตก
เมื่อวานฝนตกตั้งแต่เข้ามืดนึกว่าจะไม่ได้ไปบิณฑบาตรแล้ว แต่ฝนมาหยุดเอาตอนเกือบตีห้าครึ่ง ครั้งแรกที่เดินบิณทบาตรแล้วฝนตก เท้ายังไม่แตกมากเดินต้องคอยระวังเพราะว่าลื่น แต่เมื่อวานพัฒนาขึ้นมาอีกระดับสามารถเดินได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม..ต้องเรียกว่ามีพัฒนา

เมื่อวานตอนช่วงสายและบ่ายสามโมงต้องจัดเตรียมสถานที่สำหรับการปฐมนิิเทศน์พระใหม่ในเขตบึงกุ่มสิบวัด ทั้งปัดกวาด เช๊ดถู ยกเก้าอี้ ยกโต๊ะ ได้เหงื่อมาหลายหาบเลย ช่วงเพลหลังฉันอาหารเสร็จนอนหลับอย่างหมดแรง อีกทั้งฝนตกทำให้จำวัดสนิทนิ่ง ตืืนมาอีกทีบ่ายโมงกว่าๆ แล้วก็ลงไปทำความสะอาดศาลาชั้นล่าง เสร็จแล้วขึ้นทำความาะอาดศาลาชั้นบน! เมื่อคืนหลับสนิทเลย!

**เช้านี้หมายถึงวันที่ื๒๒ วันพระใหญ่ของที่ได้จากการบิณทบาตรเย่อะมาก เดินกลับไม่ไหวเช่นเคยต้องรบกวนให้โยมน้องมาส่งที่วัดตามเคย!

ช่วง ๑๐.๓๐ ลงศาลาเพื่อฉันเพล ของหวานทีเด็ดมากเป็นข้าวเหนียวทุเรียน! หลังเพลรีบขึ้นมาจำวัดเพราะรู้สึกเพลีย ตื่นมาอีกทีเกือบบ่ายสอง ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวเตรียมลงโบสถ์ตอน ๑๔.๓๐ เพราะเป็นวัดพระใหญ่ ก่อนเริ่มสวดอาตมาก็ถือธูปหนึ่งดอก กราบพระอาวุโสหนึ่งครั้งและเริ่มสวดบทปลงอาบัติ แล้วเข้าประจำที่นั่งเดิมเพื่อทำวัตร ประมาณบ่ายสามโมงกว่าพระทุกรูปในโบสถ์ต้องไปนั่งรวมกันหน้าพระประธาน พระอาจารย์ขึ้นธรรมาศน์เทศปาติโมกข์รูปเดียวสี่สิบนาที! หลังจากนั้าเจ้าอาวาสอบรมนิดหน่อยแล้วก็กราบพระเป็นอันเสร็จกิจ
ประมาณ ๑๖.๓๐ ได้เวลากวาดวิหาร ลานเจดีย์ และทำความสะอาดศาลาเช่นเคยคือปัดกวาด เช๊ดถูพื้น เตรียมอาสนะและสถานที่ให้พร้อมและสะอาดเพราะในวันรุ่งขึ้นคือ ๒๓ - ๒๙ ก.ค.นี้จะมีการอบรมและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับอีกสิบวัดใรเขตร่วมกัน วัดที่อาตมาจำพรรษาคือวัดสุวรรณประสิทธิ์เป็นเจ้าภาพ มีหมายกำหนดการดังนี้

๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ เริ่มอบรมพระใหม่โดยเจ้าอาวาสหรือพระครูจากวัดต่างๆ
๑๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ ปฏบัติวิปัสสนากรรมฐาน
หลังจากนั้นแยกย้ายกลับวัด

เจริญพร!
๒๓ ก.ค. ๒๕๕๒ ๐๙.๓๑ น.

บันทึกฐานยุตโต: ความรู้ใหม่จากห้องเรียน!

๒๐ ก.ค.๒๕๕๒

**เรื่องการเทศน์ของอาตมามีการเลื่อนออกไปอีกหนึ่งวันพระ คือเป็นวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๙ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจะแจ้งให้ทราบอีกที สำหรับหัวข้อที่เทศน์อาตมาและพระใหม่อีก ๙ รูปต้องเทศน์เป็นไปตามใบลานที่ทางวัดเป็นผู้ให้เลือก สำหรับอาตมาได้หัวข้อ"เตือนตนให้เป็นคนดี"โดยมีเวลาเทศน์ไม่เกิน ๓๐ นาที แน่นอนต้องมีการซ้อมวิธีการเทศน์ก่อนกับพระอาจารย์นัฐเเพื่อความถูกต้อง ตอนนี้อาตมาก็เริ่มอ่านบ้างแล้ว ทำความเข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดแล้วจะสรุปออกมาเพื่อเป็นการเข้าใจสำหรับญาติโยมที่มาถวายเพลวันนั้นและง่ายสำหรับตัวอาตมาเองด้วย ยังไงถ้าโยมๆว่างก็แวะมาฟังหน่่อยน่ะ! โอกาสอย่างนี้อาจจะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิต!

**ที่อาตมาเคยกล่าวถึงการปริสวาสกรรมนั้นเป็นวิธีการล้างกรรมของพระ โดยทั่วไปกรรมก็มีกันอยู่ทุกคน แต่กรรมขณะที่บวชจะแยกกับกรรมที่เป็นฆราวาส เพราะในขณะที่บวชเป็นพระอาจทำผิดวินัยสงฆ์โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามจำเป็นที่จะต้องล้างกรรมนั้นออกไปก่อนที่จะสึก โดยใช้ระยะเวลา ๑๐ วัน หลังจากนั้นจึงบาสิกขาบทได้ มิฉะนั้นกรรมต่างๆที่เราได้กระทำไปตอนเป็นพระจะคิดตัวออกมาด้วยทำให้การคิดจะทำการใดหรือทำสิ่งใดอยู่จะติดขัด ไม่ราบรื่น มีอุปสรรคต่างๆนาๆ อีกนิดน่ะโยม! วินัยหรือกฏหมายสงฆ์หรือศีลมีีทั้งหมด ๒๒๗ ข้อ แบ่งเป็น ๓ ระดับคือหนัก กลาง และเบา ในระดับกลางมีทั้งหมด ๑๓ ข้อถ้าทำผิดเข้าข้อใดข้อหนึ่งต้องไปเข้าปริวาสกรรม แต่ถึงไม่ผิดก็ต้องเข้าเช่นกันเพื่อเป็นการล้างตัวเองให้สะอาด ผลของกรรมนี้ต่อตัวพระที่ไม่สึกก็มีผลเหมือนกัน! สำหรับญาติโยมทั้งหลายถ้าอยากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ต้องยึด ๒๒๗ ข้อเหมือนพระหรอก พระอาจารย์สมบัติบอกว่าแค่ศีล๕ ก็ดีที่สุดแล้ว! ในตัวศีล๕ ในข้อที่๕ว่าด้วยสุรา ของมึนเมาสำคัญที่สุดเพราะสามารถเป็นต้นเหตุให้ทำความผิดในข้อที่เหลือได้!

**ในการเดินบิณฑบาตรของพระต้องมีการสำรวมกายและใจ สายตาต้องไม่ว่อกแว่ก ไม่มองซ้ายทีขวาที ไม่มองไปเรื่อยเปือย แม้กระทั่งตอนที่โยมใส่บาตรหมายความว่าสายตาเราต้องมีสมาธิอยู่ที่บาตรของเราเอง ไม่มองบาตรและของที่โยมใส่พระรูปอื่นที่เดินร่วมด้วยกับเรา ทำไม? เพราะอาหารอาจจะไม่เหมือนกัน หรือทำไมรูปนั้นได้ปัจจัย ทำไมเราไม่ได้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจ เกิดอคติ เกิดความไม่ชอบ

**เรื่องการเดินบิณฑบาตรเท้าเปล่าก็เช่นกัน จุดประสงค์คือให้ใส่ใจ สนใจ และมีสมาธิในการเดิน ตามองพื้นตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นอาจจะไปเหยียบเศษแก้ว ก้อนหิน เหยียบขี้หมา และอีกสารพัดได้ ถ้าใส่รองเท้าทำให้สบายมากเกินไป ขาดความระวัง!

**เรื่องการโกนคิ้วของพระในประเทศไทยสืบเนื่องมาจากสงครามในสมัยโบราณน่าจะสมัยอยุธยาหรือสมัยรัตนโกสินทร์ คือพม่าปลอมตัวเป็นพระเจ้าเข้ามาทำศึกทำให้แยกแยะลำบากว่ารูปไหนพระไทย รูปไหนพระปลอมพม่า ดังนั้นการโกนคิ้วจึงเป็นวิธีแก้ปัญหานั้นเอง! แล้วก็มีผลสืบเนื่องถึงปัจจุบัน

**อีกสักเรื่องน่ะ! การนับพุทธศักราชในประเทศไทยเราเริ่มนับเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วหนึ่งปีจึงเร่ิมเป็นพ.ศ.๑ แต่ที่พม่าและศรีลังกาเริ่มนับทัทีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ผลก็คือพม่าและศรีลังกาาจะเร็วกว่าเราหนึ่งปี คือปีนี้เรา ๒๕๕๒ แต่ที่พม่าและศรีลังกา ๒๕๕๓

**พระรับเงินก็ผิดวินัย! พระอุ้มหรือจับเนื้อต้องตัวเด็กผู้หญิงถึงแม้ว่าจะเป็นหลานก็ผิดวินัย ข้อนี้หมายถึงตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิดจนถึงสักอายุสามสี่ขวบ...ประมาณว่ากำลังน่ารักน่าชัง ผิดน่ะโยม! แต่ถ้าเปลี่ยนจากเด็กเป็นสีกาโทษก็จะแรงตามไปด้วย

พระที่เป็นตุ๊ด เป็นแต๋วบวชไม่ได้น่ะ! แต่อาจจะแอ๊บแมนตอนบวช พอบวชเป็นพระแล้วค่อยๆเผยตัวออกมา อันนี้วัดไม่สามารถจับสึกได้เพราะไม่เข้าข้อหาปาราชิกสี่คือเสพเมถุน ลักขโมย ฆ่าคนตาย และอวดอุตตริมนุษยธรรม แต่ไปผิดในวินัยข้ออื่นๆแทน

การถวายอาหารพระหลังเพลทำให้พระผิดวินัยแต่พระไม่สามารถจะปฏิเสธได!้ เพราะในชุดสังฆทานจะมีพวกอาหารแห้งอยู่ถ้าถวายพระไปก็เรียบร้อยผิดวินัยทันที!อันที่จริงโยมไม่ต้องซื้อมาทั้งถังหรอก ซื้อบางอย่างที่พระจำเป็นต้องใช้ก็เพียงพอแล้ว อาทิ ของใช้จำเป็นต่างๆ ของใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น บอกไปอย่างนี้อาตมาก็ผิดวินัยอีกเหมือนกัน แตข้อที่ผิดวินัยดังกล่าวข้างต้นสามารถปลงอาบัติได้ไม่ร้ายแรง สิ่งที่ร้ายแรงรองจากปาราชิกสี่มีทั้งหมด ๑๓ ข้อ จะเล่าให้ฟังวันหลังน่ะ!

**สำหรับวัดที่อาตมาบวชเป็นมหานิกาย ไม่ใช่ธรรมยุต เพราะถ้าเป็นธรรมยุตจะมีความเคร่งครัดมากขนาดว่าไม่สามารถจับเงินได้!

**สำหรับจีวรของพระนั้นสามารถใช้สีอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่สีที่ฉูดฉาด เช่น สีแดง เป็นต้น เพราะฉะนั้นเวลาโยมเดินทางแล้วพบเห็นพระห่มผ้าในสีต่างๆจะได้เข้าใจ สำหรับสีของวัดที่อาตมาจำพรรษาเรียกว่าสีราชนิยม

เจริญพร ๒๒.๕๒ น.



บันทึกฐานยุตโต: กิจนิมนต์แรกที่วัด

๑๙ ก.ค. ๒๕๕๒

**วันนี้มีรายชื่อติดที่หน้าห้องคลังต้องลงไปฉันเพลที่ศาลาด้านล่าง ถือว่าเป็นกิจนิมนต์ครั้งแรกตั้งแต่บวชมาเมื่อวันที่ ๔ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นรับประสบการณใหม่ๆ์ครั้งแรกอีกครั้ง!
ตกลงว่าเป็นงานทำบุญเลี้ยงพระอุทิศส่วนกุศลให้คนตายนั้นเอง พระทั้งหมดเก้ารูปอาตมานั่งท้ายสุดเพราะพรรษาน้อยสุดและใหม่ที่สุดนั้นเอง อาตมาลืมถามหลวงพี่ที่นั่งติดกับอาตมาว่าชื่ออะไรเพราะท่านแนะนำวิธีการจับผ้ารับประเคนที่ถูกต้องให้ ที่อาตมาทำคือคลี่ผ้ารับประเคนออกแล้วใช้น้ิวมือสี่นิ้วแตะผ้าด้านบนยกเว้นนิ้วโป้งแต่ผิด ท่านบอกว่าต้องใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างจับผ้าด้านบน อีกสี่นิ้วต้องจับผ้าไว้ด้านล่างและยกผ้าขึ้นนิดหน่อย! ห้ามแตะผ้่าอย่างเดียว! ห้ามใช้มือเดียว! ต้องทั้งสองมือ ออกงานแรกก็ได้ความรู้มาใหม่อีกแล้ว ยังมีการจับตาลปัตรอีกคืองานมงคลใช้มือขวา งานอวมงคลใช้มือซ้าย เรื่องทั้งหมดนี้จะได้เรียนต่อไปในวิชาศาสนพิธี..

**หลังเสร็จพิธีโยมก็ถวายเงินใส่ซองให้พระรูปละ ๓๐๐ บาทแต่ต้องหักเข้าวัดร้อยละ ๓๐ เป็นค่าอะไร?(อาตมาโดนหักไป ๙๐ บาท)อาตมาจะนำไปสอบถามได้ความกระจ่างแล้วจะมาบอกน่ะโยม!

**เมื่อวานเดินบิณฑบาตรตามปกติ แต่ที่มีพิเศษคือนอกจากโยมแม่จะใส่บาตรแล้วโยมพี่ชาย พี่สะใภ้ หลานพลับและน้องผิงร่วมใส่บาตรด้วย นอกจากนี้โยมป้อก็ออกมาใส่บาตรเช่นกันที่หน้าปากซอยนวมินทร์ ๑๑๑ ทั้งเสาร์และอาทิตย์เลย..สาธุ!

**วันที่ท่านเพียวพระนวกะชั้นสี่ ( แต่ตอนนี้สึกไปแล้ว สึกไปเมื่อเช้าตอนเวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น.) ได้เล่าให้ฟังตอนท่ี่ล้างบาตรก่อนแปดโมงว่า โยมบ้านหลังสุดท้ายที่ท่านรับบิณทบาตรก่อนจะเดินกลับวัดเสียชีวิตหมดลมไปเมื่อตอนใส่บาตรเสร็จ ท่านเพียวและพระอาจารย์ท่านเลยต้องสวดบังสกุลให้ที่บ้านเลย ! ถือเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าเช้านี้แล้วกัน...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

**เดี๋ยวนี้ตั้งแต่ท่านตึ้งย้ายจากตึกเณรชั้นสามขึ้นมาอยู่ที่ตึกพระใหม่ชั้นสี่ อาตมาได้ฉันกาแฟร้อนทุกวันๆล่ะสามเวลาคือ ๐๕.๐๐ , ๐๗.๐๐ และอีกครั้งไม่เที่ยงก็ตอนเย็นเลย! ฉันกาแฟตอนเข้าเดินบิณทบาตรดีจริงๆ ต้องเรียกว่าเดินเบียดจีวรอาจารย์เล๊กเลยทีเดียว!!! แรงจริงๆ

**ที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ฉบับที่แล้วเรื่อง ๗ วันหฤโหดตั้งแต่ ๒๓ - ๒๙ ก.ค. เนื่องด้วยวัดที่อาตมาจำวัดอยู่ตะเป็นเจ้าภาพปฐมนิเทศน์พระใหม่ในเขตบึงกุ่มจำนวนสิบวัดเป็นจำนวนพระประมาณร้อยกว่ารูปแต่ไม่ถึงสองร้อยรูป ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ก.ค.ต้องจัดเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย ที่ใช้เวลาเจ๊ดวันรอกจากปฐมนิเทศน์แล้วยังมีการสอนหนังสือจากเหล่าพระครู พระอาจารย์ต่างๆก่อนเป็นเวลาสองชั่วโมง หลังจากนั้นจะเป็นการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยการนั่งสมาธิและเดินจงกรมจนถึงเย็นตลอดทั้งเจ็ดวัด;
๑๒.๓๐ - ๑๔.๐๐ เข้าเรียน
๑๔.๐๐ - ๑๘.๐๐ วิปัสสนากรรมญาน
นั่งกันหลังแข๊งเมื่อยขาอีกแล้ว แต่ก็ดีถือเป็นการซ้อมใหญ่ก่อนออกปริวาสกรรม ๑๐ วันหลังออกพรรษา!

**วันนี้ก่อนเพลโยมแย้มและแคทมาหาที่วัดเพื่อถวายของให้อาตมา อาทิ ดังกิ้นโดนัท ๑ กล่อง , น้ำดื่ม ๑ โหล , โอวัลติน ไวตามิลล์ และน้ำผลไม้อย่างล่ะครึ่งโหล แต่อาตมาติดกิจนิมนต์ทำให้ไม่มีเวลาให้พร รับประเคนเสร็จยังรบกวนโยมแย้มให้เอาของขึ้นมาเก็บให้ที่ชั้นสี่อีกต่างหากโดยฝากไว้ที่ห้องท่านกั๊ก เสร็จกิจนิมนต์อาตมารีบกลับขึ้นมากุฏิเพราะต้องรีบฉันโดนัท เพราะถ้าเกินเที่ยงจะต้องเก็บไว้ฉันในวัดถัดไป ทั้งกล่องไม่ได้ฉันรูปเดียวน่ะ อาตมาแบ่งให้หลวงพี่ชั้นสี่ท่านอื่นฉันด้วย โดนัทหกชิ้นก็หายไปในทันที! อิ่มท้องต้องรีบจำวัดเพราะบ่ายโมงต้องลงไปเรียนแล้วโยม!!

เจริญพร ๑๒.๓๐

อภิวาทะนะสีลิสสะ นิจัง วุฒฒาปะจายิโน จัตตา ธัมมา วัฑตันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลั
ง!

บันทึกฐานยุตโต: การเปลี่ยนแปลง

๑๗ ก.ค. ๒๕๕๒

**วันนี้โยมโนได้มาถวายสังฑทานอาตมาหลังเพล ก่อนลงไปก็สอบถามหลวงพี่บนตึกว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องให้โยมโนท่องบทไหน อาตมาบทไหน หลังจากนั้นก็ลงไปชั้นล่างเพื่อรับาชสังฆทาน ทีแรกโยมโนบอกว่ารับข้างบนก็ได้ แต่พอสอบถามโยมเขาพาแฟนมาด้วยเพราะฉะนั้นลงไปด้านล่างจะสะดวกกว่า พิธีการต่างๆก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย นี่เป็นครั้งแรกของอาตมาเลยน่ะที่รับสังฆทานเอง!
เกือบลืมไป อาตมายังจำบทสวดไม่ได้น่ะ! แต่เอาหนังสือลงไปสวดด้วย
ถึงตอนนี้ก็ได้แค่บทให้พรตอนบิณฑบาตรค่อยๆพัฒนาไปน่ะ


**การบวชเป็นพระถึงน่ะตอนนี้ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่หลายอย่าง มีเรื่องตื่นเต็นมาเป็นระยะๆ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ต้องรับผิดชอบตัวเอง ต้องมีความอดทนต่างๆ ต้องมีวินัยในตัว ได้ศึกษาหาความรู้ในรูปแบบและวิถีทางของพระ ได้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ต้องสำรวมกายและใจในการบิณฑบาตร ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ความเป็นพระและความรู้ที่ถูกต้องค่อยๆซึมซับเข้ามาเรื่อยๆ วิถขีวิตในแต่ละวันก็ผ่านพ้นไปอย่างปกติและรวดเร็ว ไม่มีความรู้สึกเบื่อหรือท้อถอย ไม่มีความอยากทีจะออกไปทำกิจนิมนต์นอกวัด ทีแรกจะไปแจ้งว่าไม่ขอออกกิจนิมนต์ แตก็่อยากได้ประสบการณ์สักหน่อยว่าจะมีความรู้สึกและระเบียบปฏิบัติอย่างไร ถึงเวลาเมื่อไหร่โยมๆได้รู้แน่นอน อย่างนี้ต้องเรียกว่า behind the temple and the robe! ยังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้าอีกมาก ต้องติดตามน่ะ!

**เล๊กๆน้อยเกี่ยวกับพระสักหน่อยน่ะโยม คำว่าพระนวกะแปลว่าพระที่เพิ่งบวชใหม่จนถึงสี่ปีโดยพระใหม่นี้จะไม่มีบัตรประจำตัวพระ แต่ถ้าบวชเกินสี่พรรษาขึ้นไปถึงจะมีบัตรประจำตัวพระ!

สำหรับชายไทยสามารถบวชเป็นพระได้จนถึงอายุ ๖๐ ปี ถ้าอายุมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับทางวัดในการวินิจฉัยและพิจารณาว่าจะให้บวชได้หรือไม่

**รูปที่เอามาลงบันทุกฉบับนี้ รูปหนึ่งถ่ายเมื่อวันแรกที่เป็นพระ อีกรูปถ่ายวันนี้ตอนเย็นก่อนลงไปโบสถ์เพื่อทำวัตร ดูแล้วก็บอกมาด้วยน่ะว่าแตกต่างไปจากเดิมไหม รู้สึกหรือคิดเห็นประการใดแจ้งมาได้น่ะ อาตมาก็จะถ่ายเก็บเอาไว้เป็นระยะๆ เพื่อทำเป็นบันทึกไปด้วย

อีกอย่างที่เปลี่ยนแปลงแล้วคือน้ำหนัก ชั่งวันนี้น้ำหนักอยู่ที่ ๖๕ - ๖๖ กิโลกรัม ! อยากน้ำหนักลดก็งดอาหารเย็นน่ะโยม

เจริญพร ๒๒.๑๓

ปล. ยิ่งเข้าเรียนก็ได้ความรู้ใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ บางส่วนก็มาจากการถามพระอาจารย์โดยตรง

ช่วง ๒๓ - ๒๙ กค.เป็นเจ็ดวันหฤโหดอีกแล้ว แล้วจะมาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น!


บันทึกฐานยุตโต: ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ขึ้นเทศน์!

๑๖ ก.ค. ๒๕๕๒

**เช้าวันนี้ตอนสักตีห้านิดๆหลวงพี่เล็กขึ้นมาหาที่ห้อง ท่านบออกอาตมาว่า"วันนี้ให้อาตมาเดินบิณฑบาตรรูปเดียวเพราะหลวงพี่รู้สึกไม่สบาย" นั้นไงล่ะโยม! เป็นสิ่งที่อาตมาคิดเอาไว้ว่าต้องมีอย่างนี้สักวันแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ บทให้พรอาตมาพอจะท่องได้แต่ยังจำได้ไม่หมด อาตมารีบเอากระดาษมาจดทันที! ต้องซ้อมท่องให้ได้ก่อนถึงโยมคนแรกที่รอตักบาตร คิดว่าท่องมาดีแล้วน่ะแต่พอเจอจริงๆก็มีตะกุกตะกักนิดหน่อย...ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วก็ดีขึ้นเป็นลำดับจนถึงแถวบ้าน
อีกอย่างที่เป็นความโชคดี เมื่อวานอาตมาซื้อย่ามใหม่แนใบเก่าที่เล็กไปหน่อย เป็นไงล่ะ!วันนี้ได้ใช้งานทันที ใส่ของมาเต็มเอี๊ยด ถ้าไม่ได้ย่ามใบใหม่คิดว่าคงไม่ไหวแน่ๆ ยังไม่แค่นั้นน่ะ! ยังมีถุงพลาสติกใบใหญ่อีกหนึ่งใบพร้อมของที่เต็มบาตร ถ้าอาตมาเดินกลับวัดมีหวังเดี้ยงแน่ อาตมาก็เลยรบกวนโยมน้อ
ชายให้ขับรถมาส่งที่วัดก่อนไปทำงาน
อีกอย่างหนึ่งถ้าโยมจะตักบาตรก้อต้องนิมนต์ใช่ไหมโยม อาตมาก็เดินแบบไม่มองซ้าย ไม่มองขวา เห็นโยมๆรอตักบาตรก็คิดในใจว่าถ้าไม่นิมนต์ไม่จอดแน่ โยมๆเขาก็นิมนต์แหละ มีโยมท่านหนึ่งตะโกนเรียก"หลวงพี่ๆๆ" ได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง อาตมาก็ไม่ทราบว่าเขาเรียกอาตมาเพื่อนิมนต์ตักบาตร จนเขาต้องวิ่งมาดักหร้าอาตมานั้นแหละถึงได้ทราบว่าเขานิมนต์คือโยมเขาให้ลูกสาวตักบาตรน่ะ
อาตมาเป็นพระใหม่เพิ่งบวชได้ไม่กี่วัน ท่องบทให้พรได้ก็เพียงบทเดียว ในใจก็ภาวนาว่าอย่าเจอโยมที่ตักบาตรวันเกิดหรือต้องการบทแผ่เมตตาเลย แค่ถ้าเจอจริงๆอาตมาคงต้องยอกให้เจาตักบาตรกับพระรูปอื่นปหละ! อีกทั้งก่อนออกบิณฑบาตรก็บอกหลวงพี่ท่านอื่นๆบนชั้นสี่ว่าวันนี้บิณทบาตรรูปเดียว เท่านั้นแหละ!คำขู่มาเลย อาทิ ตักบาตรวันเกิด หรือ แผ่เมตตา หรือ ถวายสังฆทาน กำลังใจดีๆทั้งนั้น

ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกขอให้มีความมั่นใจและคิดว่าเราทำได้ ในที่สุดเราก็จะก้าวข้ามพ้นไปได้!

**วันนี้เป็นวันแรกที่เรียนนักธรรมตรี โดยเรียนที่ชั้นล่างตึกวิปัสสนาก็คือตึกเดียวกับที่พักนั้นแหละโยม โดยเรียนวันล่ะสองเวลาคือ ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. และ ๑๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. โดยเรียนทุกวันแต่หยุดเฉพาะวันพระเท่านั้น ( วันพระคือวันหยุดของพระ อันนี้ขำๆน่ะโยม )
มีการเช๊คชื่อทุกครั้งที่เข้าเรียนแต่ถ้าขาดเกินสามครั้งจะถูกตักเตือนตามวิจารณญานของพระอาจารย์
ถ้ามีการพูดคุยเสียงดังรบกวนผูู้อื่นจะถูกเชิญออกนอกห้องทันที!
สำหรับห้องเรียนนั้นมีโต๊ะเก้าอี้ที่จัดเมื่อตอนเช้า กระดานไวท์บอร์ดและไมโครโฟนสำหรับพระอาจารย์ มีพัดลมด้วยโยม...เรียนสบาย!
ส่วนหนังสือ ปากกาและสมุดทางวัดแจกใหม่หมดเลย
ในทางพระก่อนเริ่มเรียนนักเรียนนวกะทุกรูป(รวมทั้งเณรและพระที่เรียนแล้วแต่สอบไม่ผ่านต้องเข้าเรียนเช่นกัน)ต้องยืนสวดมนต์อย่างพร้องเพรียงกัน หลังจากนั้นยืนไหว้พระอาจารย์และกล่าวคำว่า " สวัสดีครับพระอาจารย์" หลังเลิกเรียนก็ปฏิบัติเหมือนตอนเข้าเรียนแต่กล่าวตอนท้ายว่า " ขอบคุณครับพระอาจารย์ "
เรียนแล้วก็ต้องสอบด้วยน่ะโยม จะมีการสอบใหญ่ที่สนามหลวงช่วงก่อนออกพรรษาหนึ่งอาทิตย์

**ีอีกเรื่องที่น่าตื่นเต็นคือพรรษานี้จะมีพระนวกะหรือพระใหม่ (ก็พวกอาตมานั้นแหละ)ต้องขึ้นธรรมมาสน์เทศน์ทุกวันพระในช่วงเข้าพรรษานี้!
อันนี้ล่ะสุดลุ้นเลยเพราะไม่ค่ำนี้ก็พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะมีการจับฉบาก โดยฉลากจะมีทั้งหมด ๒๒ ใบ แต่จะมีผู้โชคดีได้ขึ้นเทศน์เพียง ๑๐ รูปเท่านั้น ที่เหลือรอดตัวไป! ที่อาตมารู้เพราะเมื่อตอนสายวันนี้อาตมาและหลวงพี่อีกสองรูปช่วยพระอาจารย์นัฐทำฉลากนั้นเอง...

ในที่สุดการจับฉลากก็เกิดขึ้นจริงๆเมื่อตอนหัวค่ำที่ผ่านมา ผบที่ได้คือ "อาตมาจับได้เบอร์ ๓ " หมายความว่าวันพระที่กำลังจะมาถึงคือ ๒๒ ก.ค.นี้ คนที่ได้เบอร์๑ ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์บนศาลาให้ญาติโยมที่มาทำบุญถวายอาหาาตอนเพล สำหรับอาตมาก็นับต่อไปอีกสองวันพระ นั้นคือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๒ วันดีแห่งชีวิตของการบวชที่จะได้เทศน์ให้โยมๆบนศาลาฟังกัน!!! คงต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้ โอกาสอย่างนี้น้อยคนพึงจะได้ อาตมาจะทำให้ดีที่สุด


**อีกแล้วครับโยม ต่อไปนี้ทุกวันพระตอนเย็นต้องลงไปสวดมนต์แปลทุกครั้งที่ศาลาด้านล่าง นี้คือยาขมหม้อใหญ่อีกหม้อของเหล่าพระนวกะทุกรูปเพราะใช้เวลาสวดนานกว่าทำวัตรในโบสถ์ อีกอย่างที่คือการฝึกการอดทนของนิ้วเท้าทั้งสองข้างเพราะครึ่งชั่วโมงแรกต้องนั่งคุกเข่า...นิ้วเท้าแข็งไปเลย เมื่อก็นั่งคุกเข่านิ้วเท้าแข๊งปวดไปหมดเลย สงสัยพรรษานี้นิ้วเท้ามีกล้ามขึ้นแน่นอน!

เจริญพร...ฐานยุตโต! ๒๒.๒๕

ปล.โยมสามารถส่งต่อเมล์ให้คนอื่นๆได้น่ะเพราะอาตมาไม่สามารถส่งให้ได้ทั่วถึงทุกๆโยม อันเนื่องมาจากทางblogerเขาจำกัดเมล์สูงสุดเพียง ๑๐ เมล์เท่านั้น!

โยม! อาตมาได้แนบไฟล์มาด้วยน่ะ เป็นส่วนหนึ่งของบทสวดตอนทำวัตรเย็น ดีสำหรับทุกๆคน

บันทึกฐานยุตโต:วันพักผ่อนและซักจีวร

๑๕ กค. ๒๕๕๒

**วันนี้แรมแปดค่ำ วันพระน่ะโยมเป็นวัดพระแรกหลังจากเข้าพรรษา เผลอแป็บเดียวกลางเดือนก.ค.แล้ว วันนี้ถือเป็นวันหยุดของพระนวกะเช่นกัน หยุดหนึ่งวันหลังจากพรุ่งนี้ก็เริ่มเรียนนักธรรมตรี ณ ตอนนี้ยังไม่ทราบตารางเรียนเลย แต่ที่ได้ยินมาแว่วๆคือเรียนช่วงบ่ายและค่ำตลอดพรรษา จนกระทั่งช่วงปลายพรรษาถึงจะมีการสอบนักธรรมตรี หลังออกพรรษาต้องไปปริสวาสกรรมอีกสิบวันหรือรับกฐิน(อันไหนก่อนหรือหลังจะแจ้งอีกที) แล้วก็สามารถสึกได้! นี้คือโปรแกรมคร่าวๆสำหรับการจำพรรษา

**วันนี้วันพระ ญาติโยมออกมาตักบาตรกันหนาตากว่าปกติ ของที่ได้มาก็มากกว่าทุกวัน หิ้วกันปวดหลัง ปวดแขน เหงื่อออกท่วมกาย ต้องให้โยมซอยหกแถวบ้านมาถ่ายของแล้วออกบิณฑบาตรต่อ อาตมารู้รู้แล้วล่ะทำไมถึงปวดหลัง สาเหตุมาจากการบิณฑบาตรนี้เอง! คอที่เคยเจ็บและแสบช่วงแรกก็ค่อยบรรเทาลงไปตามลำดับ ช่วงแรกๆน่ะพอเอาสายบาตรพาดคอยังไม่ทันเดินเลยก็รู้สึกแสบทันที

**สองวันก่อนเดินบิณฑบาตรรู้สึกว่ามีอะไรตำที่ฝาเท้า กลับมาดูที่วัดคิดว่าเป็นเสี้ยนไม้ก็ไม่ได้ใส่ใจคิดว่าเดี๋ยวคงหาย วันถัดมาเริ่มรู้สึกว่ามันจะอักเสบไม่สามารถเดินเต็มฝ่าเท้าได้ ช่วงพักเรียนให้ท่านรวยห้องเบอร์๙ ช่วยดูให้หน่อย ท่านคว้าเข็มเย็บผ้ามาแล้วก็แทงลงใต้ผิวหนังทันทีอย่างชำนาญ ใช้เวลาไม่นานก็ทราบว่าที่ตำเท้าไม่ใช้เสี้ยนไม้แต่เป็นเศษแก้ว! หลังจากนั้นอาตมาก็เอาแบตาดีนมาล้างแผลและติดพลาสเตอร์ยา เช้านี้ก็เดินบิณฑบาตรได้ตามปกติ

**วันนี้ช่วงเช้างดลงไปฉันเช้าด้านล่างค่อยยังชั่วหน่อยเพราะไม่อย่างนั้นต้องรีบฉันเหมือนแข่งโอลิมปิคเพราะไหนต้องเดินกลับขึ้นชั้นสี่ ล้างบาตร รีบแต่งตัวใส่จีวาเพื่อทำวัตรเช้า...รีบกันสุดๆ วันนี้ก็ชิวๆไปช่วงเช้า แต่เวลา ๑๐.๓๐ ระฆังเคาะเป็นสัญญาณให้พระนวกะชั้นสี่ทั้งหมดลงไปฉันที่ศาลา..ห่มจีวรให้เนี้ยบกันไปเลย! ตลออช่วงบ่ายก็พักผ่อนเก็บพลังเอาไว้กวาดบานวัดตอนสี่โมงเย็นต่อไป เย็นนี้อาตมาจะต้องซื้อของที่ด้านล่างเพื่อmodifyจีวรสักหน่อย นั้นคือสายคาดออกเส้นใหม่และย่ามใบใหญ่เพื่อเอาไว้ใส่ของบิณฑบาตรตอนเช้าจะได้ใส่ของได้มากขึ้น ของเก่าขนาดเล๊กเกินไป!ไม่พอศรัทธาของโยมๆที่ออกมาใส่บาตรตอนเช้า ช่วงเช้าถืิอดป็นการออกกำลังที่ดีทีเดียวเพราะทั้งเดิน ทั้งย่ามใส่ของและบาตร!

**เมื่อวานได้คุยกับหลวงพี่โกวิทห้องเบอร์๓ ได้ความรู้ใหม่มาว่าพระพุทธเจ้าเกิดวันศุกร์ ปีจอ! คือมีผู้รู้ท่านคิดย้อนหลังกลับไปถึงวันประสูตินะโยม

**สำหรับอาหารบิณฑบาตรตอนเช้าไม่ได้ฉันรูปเดียวหมดน่ะ พระทุกรูปต้องเอามากองรวมและคัดเลือกอาหารที่เราจะฉันเช้าแลเพล ที่เหลือพระรูปอื่นท่านก็จะได้มาเลือหยิบต่อไป บางส่วนของอาหารเข้ากองคลัง บางส่วนเณรก็มาคัดหยิบไป บางส่วนก็ให็โยมที่อาศัยใบบุญอาหารวัด ของที่ได้มาไม่เสียเปล่า ไม่ได้ทิ้ง พระท่านทำบุญต่อให้ญาติโยม นอกจากอาหารแล้วน้ำดื่ม นมประเภทต่างๆ น้ำผลไม้ ขนมนมเนย อาหารแห้งก็เป็นส่ิงสำคัญที่ต้องหิ้วขึ้นบนตึกชั้นสี่ทุกวันตอนเช้า หลังเพลของที่เหลือทั้งหมดที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม! ไม่ได้กินทิ้งกินขว้างน่ะ จะมีเด๊กนักเรียนประถมแถวๆวัดขึ้นมาบนตึกรับเอาของไปกินต่อที่บ้าน อาตมาและหลวงพี่ท่านอื่นๆก็ทำบุญให้ทานให้ญาติโยมอีกทอด..เป็นอย่างนี้ทุกวัน ทุกเช้าอาตมาก็จะคัดของคาวของหวานเผื่อเด็กๆเหล่านี้ทุกวัน เพราะฉะนั้นบนตึกจะไม่มีการเก็็บของคาวเอาไว้ ไม่มีของบูด ของเน่า ของเสีย! ยกเว้นเครื่องดื่มที่เก็บเอาไว้ฉันเท่านั้นเอง!

เจริญพร ๑๓.๔๓ น.

บันทึกฐานยุตโต: วิปัสสากรรมฐาน

๑๒ ก.ค. ๒๕๕๒

**ในที่สุดวันนี้อาตมาก็ได้จำวัดรูปเดียวในห้องนวกะเบอร์สี่ ชั้นสี่ ชั้นบนสุดของตึกวิปัสนา หลังจากที่อยู่ร่วมกับพระรูมเมทมาตั้งแต่ก่อนบวชวันที่ ๑ กค. เนื่องด้วยท่านเฟี๊ยตได้สึกออกไปเมื่อเช้าตอนประมาณเก้าโมงกว่าๆ ห้องก็ดูโล่งตาขึ้นพอสมควร อาตมาชอบให้ห้องโล่งๆสบายตาดี เมื่อช่วยท่านเวย้ายห้องเรียบร้อย อาตมาก็ใช้เวลาหลังเพลวันนี้ทำการทำความสะอาดห้อง..กวาดห้อง ถูพื้นห้องเหมือนวันที่เข้ามาอยู่วันแรก รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
อาตมาก็ภมูิใจนำเสนอรูปมาด้ววเป็นแบบพานอราม่าวิว! ห้องดูเรียบง่ายไหมโยม? อยู่แบบสบายๆ

**ตั้งแต่วันที่ ๙, ๑๐ และ วันนี้ที่ทางวัดกำหนดให้เรียนวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลาติดต่อกันเจ็ดวัน ณ ขณะที่เขียนเพิ่งจะสรงน้ำเสร็จ แต่ทั้งตัวรู้สึกปวดเมื่อยตั้งแต่ แผ่นหลังทั้งหมด ขา ตาตุ่ม ข้อเท้า นิ้วเท้า ฝึกมาสามวันๆละสามเวลาคือสาย บ่ายและค่ำ ตอนนี้ร่างกายรู้สึกมันตึงไปหมดเลย คงอีกสักพักกว่าที่ร่างกายจะปรับตัวได้ สำหรับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นมีทั้งการเดินจงกรม(เขียนถูกไหมเนี่ย)และการนั่งสมาธิ โดยแบ่งเป็นอย่างล่ะครึ่งชั่วโมงสลับกันไป นอกจากนี้พระอาจารย์นัฐพงษ์ยังนำเอาเทปธรรมะมาเปิดให้ฟังอีกด้วยในช่วงบ่ายและค่ำหลังการฝึก อยากหายปวดเมื่อยไวๆเพราะอาตมาอยากนั่งสมาธิเต็มทนแล้ว อนึ่งหลังจากเจ็ดวันแห่งการฝึกก็จะเริ่มเรียนหนังสือหลักสูตรนักธรรมตรี สำหรับวิปัสสนานั้นสามารถนำไปฝึกและปฏิบัติด้วยตัวเองต่อไปทั้งก่อนนอนและตอนเช้ามืดตีสามครึ่งหรือตีสี่ก่อนออกบิณทบาตร!

**เล็กๆน้อยเกี่ยวกับพระ ว่าจะเขียนตั้งนานแล้วแต่ลืมนั้นคือเรื่องการปัสสาวะของพระ อาตมาคิดว่าโยมบางท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว นั้นคือพระต้องนั่งปัสสาวะ!

อีกเรื่องคือพระต้องสำรวมในการดื่มน้ำ จะมายืนดูดน้ำ กินน้ำแบบฆราวาสไม่ได้ ต้องนั่ง! อาตมาก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน

ยังมีอีกเรื่องนั้คือเกี่ยวกับเครื่องดื่มหลังเพล จากการสอบถามหลวงพี่ได้คำตอบมาว่า..พระสามารถดื่มน้ำอะไรก็ได้ที่เป็นของเหลวและไม่ต้องเคี้ยว! อันนี้เป็นการปรับให้เข้ากับยุคสมัยน่ะโยม ข้อปฏิบัติแล้วแต่ทางวัดจะกำหนด
๒๒.๒๒ น.

** ๑๕ กค. ๒๕๕๒
ช่วงสามวันที่ผ่านมาเข้าเรียนวิปัสสนากรรมฐาน มันปวดเมื่อยไปทั้งตัว โดยเฉพาะหลังปวดแบบไม่สามารถนั่งได้เลย ปวดแบบเหนือคำบรรยาย กล้ามเนื้อทั้งตัวมันตึงไปหมด มันทรมานอย่างบอกไม่ถูก!

อีกอย่างเมื่อวานตอนเช้ารู้สึกเพลียมากหลังกลับจากบิณฑบาตร ทำวัตรเช้าก็แบบหมดสภาพ เข้าก็ไม่มีสมาธิ..ไหนจะเพลีย ไหนจะปวดเมื่อยไปทั้งตัว แต่หลังจากได้จำวัดก็รู้สึกดีขึ้น สบายตัวแต่ความปวดเมื่อยยังไม่บรรเทา

**วันนี้คือวันที่ ๑๕ เป็นสุดท้ายที่จะเรียนวิปัสสนากรรมฐาน จากเดิมที่กำหนดไว้เจ็ดวันแต่ตอนนี้เหลือเพียงสี่วัน เป็นข่าวดีของพระนวกะที่อาจารย์ประกาศให้ทราบในโบสถถ์เมื่อวาน!พรุ่งนี้วันพระแรมแปดค่ำจะได้มีเวลาพักผ่อน ได้ซักจีวรบ้าง อาตมาใส่มาหลายวันแล้วยังไม่ได้ซักเลยแม้แต่ครั้งเดียวอาศัยแดด อาศัยลมแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนสะบงกับอังสะก็ซักสลับไปมา วันนี้ก็เพิ่งซักอังสะไป พรุ่งนี้มีเวลาอาตมาจะซักจีวรแล้วล่ะ ผืนใหญ่ต้องใช้พลังมาก!

**ก่อนเข้ามาอยู่ที่วัดตั้งแต่วันที่๑ กค.
อาตมาชั่งน้ำหนักเก็บเป็นสถิติเอาไว้ ประมาณ ๗๒ กิโลกรัม วันก่อนไปชั่งอีกทีน้ำหนักต่ำสุดที่ลดไปคือ ๖๕ ก.ก. แต่ตอนนี้น้ำหนักทรงอยู่ประมาณ ๖๕ - ๖๘ ก.ก. คิดว่าน้ำหนักคงไม่ลงไปมากกว่า ๖๕ แต่น่าจะอยู่สัก ๖๗ ก.ก. ถือว่าไม่เลวน่ะโยมแค่ประมาณครึ่งเดือนได้ขนาดนี้ หลวงพี่บางรูปร้ำหนักยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในที่สุดสักเดือนรับรองเห็นผลทุกรูปล่ะโยมเอ๋ย! อันนี้เป็นผลจากการฉันอาหารสองมื้อ

**ก่อนเข้าพรรษาการบิณฆบาตรคงเป็นการซ้อมใหญ่( อาตมาคิดเอง) หลังเข้าพรรษาเท่านั้น อาจารย์เล๊กหรือหลวงพี่เล๊กเหมืิอนจะเพิ่มสปีดในการเดิน พอโยมคนแรกถวายอาหารอาตมาเดินแทบไม่ทันจนถึงวัดเห็นแต่จีวรอาจารย์ท่านปลิวไหวๆ กลับมาวิเคราะห์ดูน่าจะเป็นเพราะอาตมาไปเสียเวลาการจัดเก็บและย้ายอาหารจากบาตรไปสู่ย่าม วันนี้ก็ลองสูตรใหม่เน้นเดินตามหลังให้ทัน..ก็ได้ผลน่ะ! แต่เจ้ากรรมฝนเริ่มตกมาพร่ำๆทำให้ถนนเปียก แล้วเดินบิณฑบาตรเท้าเปล่ามันเลื่อนน่ะโยม! เหมือนเดินไม่มีดอกยางถ้าเดินเร็วไปก็จะขาดความระวังอาจลื่นได้ แต่ของอาจารย์เล๊กหรือหลวงพี่เล๊กเหมือนใช้ยาง 4by4 โอ้โฮ้!ไปฉิวๆเลย อาตมาเร่งยังไงก็ไม่ทัน อีกทั้งของก็เยอ่ะเต็มย่าม เต็มบาตร มือซ้ายจับจีวรพร้อมดอกไม้สองกำที่โยมถวายมา มือขวาเดินจับฝาบาตรเพราะเต็มเอี๊ยดเลย! พอมาถึงหลังบ้านญาติโยมก็รอตักบาตร ทำไงดีล่ะ? บางส่วนเปิดบาตรให้โยมวางแล้วอาตมาก็ต้องใช้นิ้วซ้ายที่จับจีวรเกี่ยวเอาอาหารที่อยู่ในถุงมาถือไว้ ที่เหลือต้องให้โยมวางของตักบาตรเอาไว้บนฝาบาตรแทนที่จะเปิดฝาออกมารับ หลังจากโยทแม่ตักบาตรเสร็จไม่นานฝนก็เริ่มเทลงมา! ไม่หนักมากพอเปียก แต่อาตมาชอบน่ะเพราะมันเย็นชื่นกายสบายใจ วันนี้เป็นอีกครั้งที่อาจารย์เล๊กให้โยมที่อยู่ซอยหกขับรถไปส่งที่วัด...ค่อยยังชั่ว!
แต่ก็มีบางวันน่ะที่ต้องเดินหอบหิ้วของกลับวัดเอง อาตมาก็บอกหลวงพี่เดินไปไดเลยไม่ต้องห่วงผม โดนทิ้งสะสามเสาไฟไฟ้า กลับมาถึงวัดอาจารย์บุญเกิดผู้ช่วยเจ้าอาวาสถามอาตมาว่าบิณฑบาตรกลับใคร ก็ตอบท่านไป ท่านคงสงสัยเพราะว่าเสมือนไปรูปเดียว! ของก็พะรุงพะรัง...

เหตุผลที่ต้องรีบเดินอาจารย์เล๊กบอกว่า" เดี๋ยวจะโดนพระรูปอื่นบิณทบาตรตัดหน้า! จะได้ของน้อย" สงสัยต้องใส่สะเก๊ตล่ะมั้งถึงจะได้เดิสทันอาจารย์เล็ก

นินทางอย่างนี้คงต้องปลงอาบัติสะแล้วอาตมา!

**ร่องรอยจากการห้อยสายบิณฑบาตรทุกๆทุกวัน ตอนนี้ที่ต้นคอสามารถเห็นรอยได้ชัด! แล้วจะถ่ายรูปให้ดูน่ะ
เสียงระฆังวัดดังบอกเวลาอีกแล้วหมายความว่าได้เวลาเข้าเรียนรอบบ่ายแล้วโยม

เจริญพร! ๑๒.๕๕ น.

บันทึกฐานยุตโต : ปฐมนิเทศพระนวกะจำพรรษา ๒๕๕๒ ณ อุโบสถ วัดมหาธาตุฯ

๑๑ ก.ค. ๒๕๕๒

**เช้าวันนี้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ อาตมาได้ยินเสียงระฆังวัดตอน๐๓.๓๐ น. แต่อาตมาตื่น ๐๔.๓๐ น.ล้างหน้า แปรงฟัน เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สดชื่นแล้วจัดการห่มจีวรเตรียมตัวออกบิณทบาตร ขอบอกว่าตอนนี้อาตมาห่มจีวรเป็นทั้งสองแบบแล้วน่ะโยม!หมายถึงทั้งแบบบิณทบาตรและลงโบสถ์ แต่ยังต้องให้หลวงพี่ห้องข้างๆจัดระเบียบจีวรเพื่อความสวยงามและความเรียบร้อย

**สิ่งหนึ่งท่ี่อาตมาได้จากการเดินบิณฑบาตรทุกเช้าคือมีรอยช้ำบริเวณต้นคอเป็นรอยสายบาตรน่ะโยม! เป็นรอยแนวเดียวเท่ากับขนาดของสายบาตรเลย โชคดีที่อาตมาเอายาทาแก้รอยฟกช้ำมาด้วย ทีแรกทาด้วยยาหม่องแสบใช้ได้เลย มองในกระเป๋ายาอีกทีเจอยาจีนที่ซื้อเอาไว้นานแล้ว แต่กลิ่นน่ะสิ!คล้ายน้ำมันเจียวหอมมาม่าเลย อาตมาเริ่มทาต้นคอเมื่อคืน เมื่อเช้าและตอนหัวค่ำหลังอาบน้ำก็พอบรรเทาได้น่ะโยม ว่างๆจะให้หลวงพีห้องข้างๆถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกสักหน่อย!
เพราะรอยนี้คงอยู่ไม่นาน ทำใหม่ไม่ได้ด้วย!

**สำหรับฉายาฐานยุตโต อาตมามีโครงการหลังออกพรรษาจะสักเก็บชื่อนี้เอาไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ประเภทครั้งหนึ่งในชีวิตแต่ติดตัวตลอดไป เผอิญหลวงพี่ก้อยห้องนวกะ๕ท่านมีเพื่อนเปิดร้านสักน่ะโยม ฝีมือดี ราคาก็ตามฝืีมือไปด้วยแต่ไม่แพง อาตมาคิดว่าจะสักบริเวณแผ่นหลังช่วงระหว่างหัวไหล่ซ้าย-ขวา และจะสักเป็นภาษาบาลีเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต โยมๆอย่าเพิ่งแย้งน่ะเพราะเป็นเพียงแค่โครงการเท่านั้น!

**เช้าวันนี้อาตมาลงไปฉันด้านล่างเหมือนเดิม เสร๊จแล้วก็ต้องรีบเดินขึ้นชั้นสี่ล้างบาตรและฝาให้เรียบร้อย มีเวลาพักหายใจนิดหน่อย ๐๘.๐๐ เสียงระฆังดังเป็นสัญญาณลงโบสถ์สวดมนต์ การลงโบสถ์สวดมนต์เช้าและเย็นขาดไม่ได้เลยน่ะโยม ทางวัดเน้นมาก อีกอย่างจะมีการเช๊คชื่อโดยผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีกต่างหาก!
หลังสวดมนต์วันนี้งดเรียนวิปัสสนากรรมฐานหนึ่งวันเพราะหลังฉันเพลเวลา ๑๑.๓๐ น. พระนวกะทีจำพรรษาจำนวน ๒๒ รูปต้องพร้อมที่ด้านล่างเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปปฐมนิเทศพระนวกะที่จำพรรษาประจำปี ๒๕๕๒ ทั่วกทม. ณ อุโบสถ วัดมหาธาตุฯ ปีนี้มีจำนวนประมาณ ๑,๗๐๐ รูป พร้อมสวดมนต์ในโบสถ์อย่างพร้อมเพรียงกัน นี่คือความอิ่มเอิบใจประการแรก หลังจากพระคุณเจ้าคณะกรุงเทพให้พรก็ยังพอมีเวลาเดินชมงานนิทรรศการเนื่องในวันอาสารหบูชาบริเวณท้องสนามหลวง

เวลา ๑๕.๓๐ น. เป็นเวลานัดหมายที่พระนวกะและพระอาจารย์ต้องมานั่งเตรียมพร้อมเพื่อประกอบพิธีบริเวณอุโบสถและโดยรอบ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

เวลา ๑๖.๐๐ น.โดยประมาณ เริ่มพิธีสวดมนต์ทำวัตรเย็น ณ อุโบสถ วัดพระแก้ว

เป็นกุศลของอาตมาจริงๆที่ได้มีโอกาสอันหาที่เปรียบมิได้ไปนั่งสวดมนต์ ณ วัดพระแก้ว เป็นสิ่งที่ไม่คิดมาก่อน เป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกปลื้มปิคิ มีความรู้สึกอิ่มเอิบในจิตใตอย่างมาก ชาตินี้คงไม่รู้ว่าจะมีโอกาสครั้งที่สองหรือเปล่า เพียงครั้งเดียวก็สุดพรรณนาแล้วโยม
ในชีวิตการทำงานของอาตมาได้เดินทางไปวัดพระแก้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ครั้งนี้คือที่สุดของที่สุดเพราะพิธีนี้มีเพียงปีล่ะครั้งเท่านั้น! เฉพาะพระนวกะทีจำพรรษาเท่านั้นด้วย! อาตมาก็ได้ถือโอกาสนี้ถ่ายรูปมาให้โยมดูด้วยและรับเอาส่วนบุญครั้งนี้ทั่วๆทุกคนด้วยเทอญ

อนุโมทนา...สาธุ! ๒๑.๒๐

ปล. ตั้งแต่เมื่อวานตอนสายอาตมาได้ซักอังสะและสะบงเพื่องานปฐมนิเทศน์และสวดมนต์ที่วัดพระแก้วเป็นพิเศษ สายนี้ก่อนฉันเพลอาตมาก็อาบน้ำเตรียมความพร้อม ใส่อังสะและสะบงที่ซักอย่างสะอาดไว้ตั้งแต่เมื่อวาน โกนหนวด แคะขี้หู ตัดขนจมูก ทำเนื้อทั้งหมดให้ะสะอาดที่สุดเพื่อความบริสุทธิ์และความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่!

นี้คงเป็นอีกอานิสงฆ์หนึ่งที่ได้จากการบวชครั้งนี้ อาตมาพร้อมและยินดีเผื่อแผ่ให้โยมทุกๆท่านเช่นกัน!

บันทึกฐานยุตโต: เข้าพรรษาวันที่สอง

๙ ต.ค.๒๕๕๒

**วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาวันที่สอง เวลาในการเริ่มบิณทบาตรช้าลง๑๕นาที จากเดิม ๐๕.๑๕ เปลี่ยนเป็น ๐๕.๓๐ ทำให้วันนี้เดินไปถึงบ้านโยมแม่ช้ากว่าปกติเป็นเวลา ๐๖.๓๐ น. แต่กลับถึงวัดประมาณ ๐๗.๐๐ น. เพราะมีโยมมาส่งเรื่องจากของเย่อะมาก ไม่สามารถเดินหิ้วกลับวัดได้ ไม่มีมือจะถือแล้วน่ะโยม!

**ในทางพระหลักในการดูว่าสว่างหรือยังให้ดูลายนิ้วมือของตัวเอง ถ้าสามารถมองเห็นลายนิ้วมือถือว่าสว่างแล้วให้เริ่มออกบิณทบาตรได้

**วันที่สองของการเข้าพรรษามีการเปลี่ยนกิจของพระนวกะนิดหน่อย ดังนี้
๐๗.๒๐ พระนวกะทุกรูปลงไปฉันเช้าพร้อมกันที่ศาลาด้านล่าง
๐๘.๐๐ ลงโบสถ์สวดมนต์ทำวัตรเช้า
๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ เข้าเรียนวิปัสสนากรรมฐานและการนั่งสมาธิ
๑๑.๐๐ ฉันเพลบนกุฏิชั้นสี่
๑๓.๑๕-๑๖.๐๐
เข้าเรียนวปัสสนากรรมฐานและการนั่งสมาธิ
๑๖.๐๐ กวาดวิหาร ลานเจดีย์
๑๗.๓๐ เข้าโบสถ์สวดมนต์ทำวัตรเย็น
๑๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ เข้าเรียนวิปัสสนากรรมฐานและการนั่งสมาธิ
๒๒.๐๐ ปิดไฟจำวัด

การเรียนวิปัสสนากรรมฐานและการนั่งสมาธิตามตารางข้างบนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นเวลา ๗ วันติดต่อกัน สุดๆไปเลยโยม! หลังจากนั้นจะเริ่มเรียนนักธรรมตรี

อนึ่งจะมีการเลือกประธาน รองประธาน เลขานุการประจำรุ่นปี ๒๕๕๒ เป็นลำดับต่อไปในระหว่างการเรียนและจำพรรษาครั้งนี้

** ๑๑ ก.ค. ๒๕๕๒ ตั้งแต่เวลา ๑๒.๐๐ น. เป็นต้นไป พระนวกะที่จำพรรษาทั้งหมดเดินทางไปวัดมหาธาตุเพื่อร่วมกับพระอื่นๆทั่วกทม.ประมาณสามพันรูปเพื่อไปร่วมพิธีวันเข้าพรรษา ณ วัดพระแก้วอย่างพร้อมเพรียงกันในเวลา ๑๖.๓๐ น.

**ช่วงเวลาหลังเพลจนถึงบ่ายโมงเป็นชั่วโมงทองที่พระต้อ
การพักผ่อนและจำวัดเพื่อเก็บแรงไว้เข้าเรียนตอนบ่ายถึงเย็นยันมืดน่ะโยม

ณ ตอนนี้ก็เพลเรียบร้อย อามตมาขอชาร์ตแบตฟื้นสภาพร่างกายก่อนน่ะโยม!

เจริญพร ๑๐ ก.ค.๒๕๕๒ ๑๑.๓๕

ปล.ช่วงนี้ถ้าเงียบๆไป ไม่มีบันทึกก็แสดงว่าไม่มีเวลาน่ะโยม เรียนกันปวดหลัง เมื่อยขาวันล่ะหลายรอบน่ะโยมเอ๋ย เป็นพระไม่ง่ายจริงๆ!

บันทึกฐานยุตโต : chill out about a monk!

๘ กค. ๒๕๕๒

** ตั้งแต่อาตมาบวชเป็นพระมาตั้งแต่วันที่สี่ มีสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาสำหรับพระใหม่ทุกรูปคือการนั่งคุกเข่าสวดมนต์ไหว้ะพระเป็นเวลานาน...เท่าไหร่ถึงเรียกว่านาน เอาเป็นว่าแค่ห้านาทีสิบนาทีก็เมื่อยแล้ว ไหนจะปวดหัวเข่า ไหนจะปวดนิ้วเท้า ไหนจะปวดหลัง ต้องคอยยืดตัวคลายเมื่อเป็นบางครั้ง โยมลองนั่งดูที่บ้านได้น่ะว่านั่งคุกเข่าได้นานเท่าไหร่ สำหรับอาตมมเมื่อวานตอนทำวัตรแปลตอนเย็นนั่งคุกเข่าไปประมาณ ๔๐ นาที! เมื่อยไปหมดเลย!
อีกท่านั่งที่สร้างความปวดเมื่อยและเหน็บชาคือท่านั่งพับเพียบ อาตมาต้องคอยเปลี่ยนขวาที ซ้ายที เพราะนั่งนานๆขาจะเมื่อยมาก หลังก้อปวด เหน็บชามาตลอดถ้าไม่เปลี่ยนท่า วันแรกที่อาตมาลงโบสถ์ทำวัตรเย็นนั่งแทบไม่ได้เปลี่ยนท่า ขาหมดความรู้สึกไปเลยข้างหนึ่
ง! อีกอย่างการนั่งอย่างนี้ถ้าจะให้ดูสวยงามต้องนั่งหลังตรง คงอีกสักพักแหละกว่าจะจะชิน

**อาหารเย็นก็เป็นอีกเรื่องที่เหล่าพระสงฆ์ต้องงด วันก่อนพระตี๋เล่าให้ฟังว่ามีคืนหนึ่งเดินขึ้นกลับมาที่ห้องตอนหัวค่ำ ท่านตี๋ได้กลิ่นมาม่าหอยฉุยลอยมาปะทะจมูก ไม่ทราบห้องใดบนชั้นสี่แอบฉันมาม่า!!
สำหรับอาตมาตั้งแต่วันที่ ๑ กค. จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกาาฉันมื้อเย็นน่ะโยม สบายใจกันได้!
หลวงพี่และหลวงพ่อห้องข้างบวชก่อนอาตมาสักเดือนตอนนี้น้ำหนักลดไปแล้วประมาณ ๕-๖ กิโล!

**สำหรับเงินปัจจัยที่ญาติโยมถวายตอนเพลหรือตอนอื่น พระสงฆ์ท่านก็เอาไปใช้ตามแต่วัตถุประสงค์เป็นรูปๆไป อาทิ ค่าแท๊กซี่ ค่าน้ำดื่มพวกน้ำอัดลม น้ำเต้าหู้กล่อง บุหรี่ เป็นต้น อาตมาจะคอยสังเกตุต่อไปน่ะว่าพระท่านเอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง

**สำหรับสายบิณทบาตร พระอาจารย์นัฐจะเป็นผู้สอบถามว่าอยากเดินสายไหนเพราะส่วนมากพระใหม่จะอยู่แถวนี้ จะได้มีโอกาสให้โยมแม่ตักบาตร ถ้าไม่อย่างนั้นอาจารย์นัฐจะจัดส่งไปตามพระอาจารย์ท่านต่างๆ
เท่าที่ได้ยินมาบางสายปัจจัยดีมาก! โยมศรัทธาแรงถวายพระทุกวัน ! โยมคนไหนถวายปัจจัยเย่อะหรือถวายปัจจัยบ่อยพระท่านจำได้! เงินทองไม่เข้าใครออกใครจริงๆ อาตมาบาปไหมเนี่ย?มานินทาพระอย่างนี้ แต่อาตมามีเจตนาดีอยากให้โยมพี่ โยมเพื่อนได้ร่วมประสบกาาณ์ไปพร้อมอาตมา ได้รู้ได้ทราบไปพร้อมอาตมาเพร่ะโยมบางท่านไม่มีโอกาสได้บวช พระที่ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบก็มีน่ะโยม อย่า!เหมาพระไม่ดีทั้งหมด

**ปาราชิก ๔ คือโทษที่หนักที่สุดสำหรับพระสงฆ์ ถ้าพระสงฆ์รูปใดทำผิดเข้าข่าย๔ข้อนี้ โดนจับสึกสถานเดียว

๑.เสพเมถุนหมายถึงมีเพศสัมพันธ์
๒.ลักขโมยของ ถึงแม้ว่าจะม่ค่าแค่เพียงบาทเดียว
๓.ฆ่าคน
๔.อวดเป็นผู้วิเศษ
เข้าสี่ข้อนี้จีวรหลุดแน่โยม

**กิจของสงฆ์ที่ต้องปฏิบัติ ๑๐ ประการ
๑.วันพระใหญ่ลงโบสถ์ฟังสวดปาติโมกข์ตอนบ่ายเวลา ๑๔.๓๐
๒.บิณทบาตร
๓.ทำวัตรเช้า - เย็น
๔.กวาดวิหาร ลานเจดีย์
๕.รักษาผ้าครองหมายถึงผ้าสามผืนที่พระนุ่งห่ม
๖.ปริวาสกรรม เป็นการนั่งสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน ฟังเทศน์หลังออกพรรษาสิบวัน ข้อนี้แล้วแต่พระสงฆ์จะเลือกว่าจะเดินทางไปปฏบัติที่วัดไหน
๗.โกนหัว โกนหนวด โกนเครา ทุกๆหนึ่งเดือน
๘.ศึกษาพระธรรม ศึกษาสิกขาบท เชื่อฟังครูบาอาจารย์
๙.การปลงอาบัติ
๑๐.พิจารณาปัจจัยสี่ อาทิ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโลก

รายละเอียดเพิ่มเติมอาตมาจะชี้แจงภายหลัง ตอนนี้รู้เป็นเบื้องต้นแค่นี้ก่อน!

**สดๆร้อนๆเพิ่งลงจากโบสถ์จากการทำวัตรเย็น ประเด็นสำคัญคือวันนี้เป็นวันเข้าพรรษา หลังจากสวดทำวัตรเย็นเสร็จก็มีการเช็คชื่อพระทั้งวัดที่เข้าพรรษาทั้งหมด เบ็ดเสร็จมีจำนวนประมาณ ๑๒๐ รูป รวมทั้งเณร ๘ รูป หลังจากนั้นเจ้าอาวาสนำพระที่เข้าพรรษาทั้งหมดสวดมนต์บทอธิษฐานเข้าพรรษาสามรอบและสวดซ้ำอีกสามรอบ หลังจากนั้นเป็นอันเสร็จพิธี วันนี้นับเป็นวันแรกของการเข้าพรรษา!

**การเดินบิณทบาตรเป็นกิจสงฆ์อย่างหนึ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สำหรับอาตมาการเดินไม่มีปัญหาเพราะตลอดเวลาที่ทำงานต้องเดินเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปืีที่ผ่านมาได้ผ่านการฝึกเดินป่าที่เชียงใหม่มาหลายครั้งทำให้การบิณทบาตรไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ อีกทั้งตอนเป็นฆราวาสเวลาอาตมาไปไหนมาไหนชอบสะพายเป้ไปด้วยเสมอ แม้กระทั่งมาจำวัดพรรษานี้เป้ใบเก่งก็อยู่เคียงข้างอาตมาตลอดแต่อยู่ในห้องน่ะไม่ได้สะพายออกไปบิณทบาตรหรือไปที่ไหนๆในวัด! เพราะฉะนั้นการเดินบิณทบาตรทุกวันเป็นการฝึกความอดทนไปในตัว ฝึกการจัดระเบียบร่างกายในตอนเดินและตอนโยมถวายของ!
ปัญหาตอนนี้ก็ยังเป็นเรื่องเดิมคือการห่มจีวรเฉพาะบิณทบาตร ย่ามใบเล็กไปหน่อยคงต้องmodifyให้ใหญ่ขึ้นสักนิดจะได้ใส่ของได้เย่อะขึ้น
สำหรับการห่มจีวรเวลาลงโบสถ์หรือลงศาลาแบบฉันรวม " ห่มดอง" อาตมาสามารถห่มได้แล้ว
ปัญหาอีกอย่างคือเรื่องการให้พร บทแผ่เมตตา อาตมายังไม่สามารถคงต้องใช้เวบาอีกสักหน่อยแหละโยม!

**สำหรับการปรับตัว ปรับวิถีชวิตแบบพระ ณ ขณะนี้ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ ถามว่าเบื่อไหม? คำตอบคือไม่น่ะโยม มีเรื่องใหม่ๆเกิดขึ้นให้เรียนรู้ทุกวัน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว

**การทำวัตรเช้า โดยปกติฉันอาหารเช้าตอน๐๗.๓๐ หลังจากนั้นระฆังตีในเวลา ๐๘.๐๐ อาตมาและหลวงพี่ท่านอื่นๆลงไปช้าประจำ คงต้องปรับเวลาในขณะฉันให้เร็วขึ้น ช่วงเช้าพอลงโบสถ์ก็เริ่มสวดทันที
สำหรับทำวัตรเย็นเริ่มเวลา ๑๗.๓๐ โดยเริ่มด้วยการนั่งสมาธิก่อนครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเวลา ๑๘.๐๐ ถึงจะเริ่มสวด ทำวัตรเย็นอาตมาชอบเพราะมีเวบาเตรียมตัวและได้ปฏิบัติครบทุกอย่าง สวดมนต์ตอนเย็นก็ชอบเช่นกัน ได้สวดมนต์หลายบทเลยโยม จิตใจสงบดี! แต่บทสุดท้ายของการสวดไม่ว่าทำวัตรเย็นหรือเช้าคือสวดแผ่เมตตา สบายกาย สบายใจดีทีเดียว!

เจริญพร ๒๑.๔๕

บันทึกฐานยุตโต :วันพระใหญ!

7 กค. 2552
**วันพระใหญ่ในหนึ่งเดือนมีสองวันคือวันขึ้น ๑๕ ค๋ำ และแรม ๑๕ ค่ำ และทุกวันพระใหญ่ในช่วงเข้าพรรษาพระทุกรูปในวัดต้องลงฟังสวดปาฏิโมกข์ในโบสถ์เวลา ๑๔.๓๐ น. สำหรับการทำวัตรเย็นก็ต้องงดไป! อาทิเช่นวันนี้ อีกสักครู่ยาวๆก็ต้องลงโบสถ์

**ช่วงบ่ายอาตมาจำวัด(พักผ่อน)ไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากฉันเพล บ่ายสองโมงครึ่งได้เวลาลงโบสถ์ทำวัตรเย็น (การสวดมนต์) แต่ก่อนขึ้นโบสถ์วันนี้พระนวกะได้รับธูปคนล่ะดอกเพื่อปลงอาบัติ ( ส่ิงที่เราได้กระทำผิดโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ในทางโลกหมายถึงการขอโทษหรือสารภาพผิด)่ในทางธรรมพระที่อ่อนพรรษากว่าจะปลงอาบัติกับพระที่พรรษามากกว่า บวชก่อนหนึ่งนาทีก็ถือว่ามีพรรษามากกว่า โดยจะมีบทปลงอาบัติในหนังสือมนต์พิธีเป็นภาษาบาลี อันที่จริงการปลงอาบัติสามารถทำได้ทุกวันไม่เฉพาะวันพระใหญ่ หลังจากสวดบททำวัตรเย็นเสร็จก็เป็นการสวดปาติโมกข์เป็นภาษาบาลี ในการสวดพระทุกรูปต้องขึ้นมานั่งรวมกันบริเวณหน้าพระประธาน มีธรรมาสน์ตั้งอยู่ด้านหน้าพระประธาน พระอาจารย์ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์และสวดปาติโมกข์รูปเดียว พระที่เหลือทั้งหมดนั่งพนมมือฟังแต่เพียงอย่างเดียว การสวดใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณสี่สิบนาทีจึงเสร็จพิธี โดยปกติการสวดปาติโมกข์ทำทุกวันพระใหญ่คือขึ้น ๑๕ ค่ำและแรม ๑๕ ค่ำ และในช่วงเข้่าพรรษาเท่านั้น สรุปทั้งสิ้นตลอดพรรษาทั้งหมด ๖ ครั้งด้วยกัน
เมื่อก่อนอาตมาเข้าใจผิดคิดว่าสวดทุกวันในช่วงเข้าพรรษาและพระทุกรูปสวดพร้อมกัน ตอนนี้อาตมาเข้าใจถูกต้องแล้ว โยมคิดดูพระอาจารย์ท่านสวดรูปเดียวม้วนเดียวจบและท่านแทบไม่ได้ดูหนังสือเลย อีกทั้งเป็นภาษาบาลีล้วนๆเบ็ดเสร็จประมาณ ๔๐ นาที บุญแท้ๆที่ได้ฟัง! ( ปาติโมกข์หมายถึงการสวดศีล ๒๒๗ ข้อของพระสงฆ์ พรรษานี้อาตมาก็ต้องเรียนเช่นกันแต่เป็นภาษาไทย!)

**สี่โมงกว่ากลับขึ้นมาพักผ่อนบนห้องชั้นสี่ หลังจากนั้นทั้งลม ทั้งฝนกระหน่ำลงมาไม่ยั้งแบบมือฟ้ามัวดิน พักได้ไม่นานพระอาจารย์นัฐมาบอกว่าเวลา ๑๗.๔๕ ให้ลงไปที่ศาลาที่โยมมาอยู่วัดถือศีล๘กันเพื่อสวดวัตรแปล (สวดบาลีสลับภาษาไทย) ทุ่มกว่าถึงได้ลงจากศาลาเพื่อไปเวียนเทียนรอบโบสถ์สามรอบ เนื่องด้วยฝนตกหนักทำให้ญาติโยมมากันน้อย
สักสองทุ่มกว่าเป็นอันเสร็จกิจวันนี้ ได้อาบน้ำชำระร่างกายแลเพักผ่อน พรุ่งนี้วันเข้าพรรษางดบิณฑบาตร แต่เพลงศาลาฉันรวมเหมือนวันนี้! พระอาจารย์บอกว่าให้ตื่นสักประมาณ ๐๖.๐๐ น. สบายหน่อยได้นอนตื่นสายนิสหนึ่ง!

**แต่เรื่องงดบิณฑบาตรท่านเจ้าอาวาสแจ้งตอนลงโบสถ์เมื่อบ่าย พระบางรูปวันนี้บอกญาติโยมไปว่าวันเข้าพรรษาบิณฑบาตรตามปกติ แต่ท่านเจ้าอาวาสสั่งงด ทำให้พระบางรูปขาดรายได้จากปัจจัยที่โยมจะถวาย! พวกโยมๆคิดต่อเองแล้วกันน่ะ

**วันนี้ตอนเช้าอาตมาตื่นมาตามปกติ เช้าๆตอนตีสี่ครึ่งอากาศเย็นใช้ได้น่ะโยม เสร็จภาระกิจส่วนตัวก็ไปรอด้านล่างเตรียมเดินบิณฑบาตรตามปกติ วันนี้เป็นวันหยุดและเป็นวันพระใหญ่ก่อนเข้าพรรษาญาติโยมออกมาตักบาตรมากกว่าทุกวัน เดินยังไม่ถึงหลังบ้านเลยย่ามเต็มปริ่มไปด้วยอาหาร บาตรปิดไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณตรงข้ามเยืื้องหมู่บ้านอาตมาญาติโยมมาไม่ขาด โดยเฉพาะพนักงาน๗๑๑ ออกมาถวายอาหารแห้งน้ำดื่มเป็นขวดๆ โยมเอ๋ย!ไม่มีมือจะให้หิ้วแล้ว จีวรก็เริ่มคลาย แต่วันนี้อาตมาเน้นฝาบาตรมากจับไว้เกือบตลอดเวลาจะไม่ให้ร่วงอีกแน่นอน ช่วงที่ของล้นมือและย่ามของอาตมาและพระอาจารย์ เราหยุดจัดของนิดหน่อยแล้วพระอาจารย์ก็หันมาบ่นว่า"โทรไปหาเด็กแถวบ้านให้มารับของ แต่ไม่ยอมรับสาย " ได้ยินดังนั้นอาตมาก็ขออนุญาตพระอาจารย์โทรหาโยมน้องให้มารับของบิณทบาตรแถวหลังบ้าน เพียงสิบนาทีจากที่โทรโยมน้องก็มาถึงจุดนัดหมาย โยมเอ๋ย!ค่อยยังชั่วหน่อย ตัวเบาขึ้นเยอ่ะเลย
โดยปกติถ้าเป็นอย่างนี้พระอาจารย์เล๊กจะเรียกแท๊กซี่กลับวัด! โยมต้องเข้าใจน่ะมันไม่ไหวจริงๆ แต่วันนี้วันหยุดได้โยมน้องมาช่วย หลังจากนั้นพระอาจารย์กับอาตมาก็เดินบิณทบาตรต่อ ไปรับบาตรโยมยาย โยมแม่ และโยมๆแถวบ้าน หลังจากนั้นให้โยมน้องขับรถมาส่งที่วัด มาถึงวัดถ่ายเทของและเลือกอาหารเช้าเสร็จก็ขึ้นห้องพักเตรียมฉันเช้าตอน ๐๗.๓๐ ในระหว่างนั้นญาติโยมก็ทยอยมาตักบาตรที่วัดกันเรื่อยๆ เยอ่ะจริงๆโยม! ฉันเรียบร้อยระฆังวัดตีเป็นสัญาณตอน ๐๘.๐๐ เพื่อขึ้นทำวัตรเช้าต่อทันที !
อาหารเช้าไม่ทันย่อย ๑๐.๓๐ ลงศาลาเตรียมฉันเพลต่อเวลา ๑๑.๐๐ โอ้โฮ้! โยมมากันเต็มศาลาสักร้อยคนน่าจะได้ ประเคนอาหารกันเย่อะมากเล่นเอาพระฉันเพลสะเหนื่อยเลยโยม!

เจริญพร! ๒๒.๓๐

บันทึกฐานะยุตโต: ฝาบาตรสิ่งที่ต้องระวัง!

6 กค. 2552

**วันนี้หลังจากทำวัตรเย็นที่โบสถ์เสร็จประมาณหกโมงกว่า พระอาจารย์นัฐผู้ดูแลและอบรมพระนวกะหรืิอพระใหม่ชั้นสี่ได้เรียกพบพระใหม่ทุกรูปที่ชั้นสองของตึกนวกะเพื่อทำการเช๊คชื่อจริง ฉายา และจำนวนพระที่จำพรรษา สรุปยอดทั้งสิ้น ๒๒ รูป
ในจำนวนนี้มีสองรูปที่มาจากตจว.ถ้าจำไม่ผิดมาจากปราจีนบุรี อีกรูปมาจากสำนักสงฆ์แถวน้ำตกคลองลาน กำแพงเพชร ทั้งสามรูปบวชที่วัดอื่นแต่มาจำพรรษาที่นี้ ณ วัดสุวรรณประสิทธิ์

**เมื่อเช้านี้หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จพระอาจารย์กาญจน์ได้เรียกให้พระใหม่ทุกรูปที่จะอยู่พรรษาให้มารับใบสมัครและติดรูปถ่าย เร็วๆนี้คงได้เริ่มเรียนแล้วล่ะ ต้องสนุกแน่ๆ !

**วันนี้ช่วงเช้าได้ซื้ออังสะใหม่มาสองตัว ตัวใหม่ออปชั่นครบกระเป๋าเสื้อใส่ของสามช่องพร้อมซิปและที่เสียบปากกา ตัวเก่ามีกระเป๋าเสื้ออันเดียว ซิปก็ไม่มี ใส่กระเป๋าตังค์หรือโทรศัพท์มีโอกาสร่วงได้ อันนี้คงเป็นแฟชั่นเล็กๆในหมู่พระ...อาตมาเดาน่ะ แต่ใส่แล้วเท่ห์ขึ้นมากเลย! ทางโลกต้องพูดว่า it's look cool bro!

**สำหรับสรรพนามที่โยมใช้เรียกพระสามารถใช้คำว่าหลวงพี่ หรือท่าน หรือ พระป้ำ ส่วนคำว่าหลวงน้อง หรือหลวงเพื่อนไม่มีน่ะโยม!

**วันนี้ช่วงบ่ายโยมเชนเพื่อนที่เรียนรามด้วยกันโทรมาหาอาตมาตอนบ่ายบอกว่าจะเอาของมาถวาย ! เอาละสิ จีวรก็ยังห่มไม่เป็น มองหาหลวงพี่ห้องข้างๆปรากฏว่าจำวัดกันหมด โชคดีที่ท่านปุ่นพระที่บวชเอาพรรษาเหมือนกันเดินมาพอดี อาตมาก็รบกวนท่านห่มผ้าจีวรให้หน่อย อีกอย่างอาตมาเพิ่งบวชได้สามวันพวกพรต่างๆหรือศาสนพิธีก็ยังทำไม่เป็น ท่านปุ่นก็แนะนำให้ไปถวายที่ห้องคลังแทนเพราะมีพระที่รับถวายของหรือถวายสังฆทานที่นั้น ที่ห้องคลังหลวงพี่ท่านก็ชวนผมไปนั่งด้วยแต่ผมปฏิเสธไปเพราะยังท่องไม่เป็น อาตมาก็รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ไม่ได้ทำสมความตั้งใจที่โยมเชนจะเอาของมาถวายอาตมา:หลอดไฟสามหลอดและยาสามัญประจำบ้านสองชุด
โยมเพื่อนรอสักเดือนน่ะ ให้อาตมาพร้อมกว่านี้สักหน่อยเพราะไม่อยากทำให้โยมเพื่อนเสียความตั้งใจ แค่นี้ก็รู้สึกผิดแล้ว อาตมาไม่โทษโยมเชนหรอกแต่โทษตัวเองมากกว่า!

**เมื่อวานมีบวชพระใหม่หกรูปไม่ต้องลงโบสถ์ทำวัตรเช้า อยู่บนห้องรอฉันเพลเลย ตอนบ่ายลมพัดแรงมาก ฝนตกหนักด้วย ที่สำคัญตกตอนประมาณสี่โมงเย็น ไม่ต้องกวาดลานวัด สำหรับทำวัตรเย็นไม่พลาดได้ลงโบสถ์ตามปรกติ! สรุปเมื่อวานchillอยู่บนชั้นสี่ทั้งวันไม่ได้ไปไหน ยกเว้นมีจำวัดเก็บแรงนิดหน่อย

แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ทำครบทุกอย่าง วัตรเช้า วัตรเย็น แต่กวาดลานวัดเปลี่ยนเป็นทำความสะอาดศาลาเพราะเพลพรุ่งนี้พระทุกรูปต้องลงไปฉันที่ศาลาเนื่องจากเป็นวันพระโหญ่! สำหรับบิณทบาตรตอนเช้ายังปฏิบัติตามปรกติ!

**เช้านี้ตื่นมาตอนตีสี่ครึ่ง ล้างหน้า แปรงฟัน เอาน้ำลูบตัวหน่อยจะได้สดชื่น! น้ำค่อยอาบหลังทำวัตรเช้า ปัญหามาแล้วเพราะอาตมายังห่มจีวรไม่ได้เลยคงต้องอีกสักพักได้แน่นอน หลวงพี่เป้เดินผ่านมาพอดีท่านก็ช่วยจัดการให้...รอดไปอีกวัน! การห่มจีวรเพื่อบิณทบาตรแบบนี้ทางพระเรียกว่าห่มคลุม
สักตีห้านิดๆเดินลงไปรออาจารย์เล๊กด้านล่าง วันนี้ความตื่นเต็นน้อยกว่าเมื่อวาน เท้าที่ผ่านการเดินเปลือยเปล่ามาหนึ่งวันยังเฉยๆไม่มีอาการ แต่คอรู้สึกจะเริ่มปวดจากการบิณทบาตรเมื่อวาน เริ่มต้นทุกอย่างเหมือนเมื่อวานทุกประการ ของเย่อะนิดหน่อยแต่ไม่มาก ขนาดไม่มากก็ยังเดินตามอาจารย์เล๊กไม่ทันเป็นบางช่วงซึ่งท่านก็เดินความเร็วปรกติ
พอมาถึงซอยแถวบ้านโยมๆก็ออกมาตักบาตรมากกว่าเมื่อวานหน่่อยเพราะะคงทราบว่าอาตมาบวช ย่ามของเต็มเอี๊ยดเลยไม่มีช่องว่างให้ใส่แล้ว มาถึงหน้าบ้านโยมยายและลุงไสว โยมเอ๋ย!ย่ามเต็ม บาตรล้นปิดไม่ได้ แขนขวาหนีบย่ามและมือขวาคอยจับฝาบาตร แขนซ้ายหนีบจีวร มือซ้ายหิ้วอาหาร สรุปคือเต็มเหยียด เหงื่อก็ไหลข้างในพอสมควร ในตอนนั้นโยมลุงไสวจะช่วยหิ้วของเอาใสย่ามให้ จังหวะนั่นแหละ! ฝาบาตรหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง อากาศตอนเช้าด้วย เสียงดังฟังชัดดีทีเดียว! ความรู้สึกตอนนั้นบอกไม่ถูกจริงๆ มันทั้งอาย ทั้งโทษตัวเองที่ไม่ระวังพอ
แต่เรื่องพระใหม่กับฝาบาตรร่วงเป็นเรื่องปกติน่ะโยมแต่ไม่เกิดเป็นดีที่สุด!
พอมาถึงหน้าบ้านโยมแม่กับโยมน้องก็รอตักบาตรอยู่เหมือนกัน ของเยอ่ะมาก ไม่มีมือจะหิ้วแล้ว โชคดีที่อาจารย์เล๊กเรียกน้องแถวบ้านขี่มอเตอร์ไซด์เอาของที่บิณทบาตรมาทั้งหมดไปส่ง
ให้ที่วัด เหลือแต่บาตรเกือบเปล่าเดินกลับวัด ระหว่างทางยังมีโยมตักบาตรอีกนิดหน่อยแต่ไม่มากบาตรรับได้หมด
ระหว่างที่เดินกลับวัดจีวรเริ่มมีปัญหา เริ่มเหมือนจะหลุดต้องคอยแต่งจีวรตลอดเวลา...เหนื่อยเหมือนกันน่ะโยม
พรุ่งนี้วันพระด้วย โยมต้องออกมาตักบาตรมากกว่าปกติ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ติดตามต่อไปน่ะโยม
เจริญพร 21.53

ปล.เรื่องยังมีมาเรื่อยๆ อาตมาจะรีบระบายวัตถุดิบออกให้มากที่สุด เก็บไว้นานไม่ดีเดี๋ยวจะลืม

สำหรับเรื่องฝาบาตรยังมีต่อน่ะ เก็บไว้ก่อนได้เวลานอนแล้ว

บันทึกฐานะยุตโต 2 บิณทบาตรวันแรก!

5 กค. 2552

**เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่ลงโบสถ์ทำวัตรเย็น นั่งขยับไปมาซ้ายทีขวาที ขยับตัวนิดหน่อย ในที่สุดเห็บก้อรับประทานจนได้ ความรู้สึกของขาขวาหายไปเลย

**สำหรับเส้นทางบิณทบาตรนั้นก็เดินออกหลังวัดไปตามถนนตัดใหม่ถ้าเสร๊จรถราคงเยอ่ะกว่านี้ หลังจากนั้นก็เดินเข้าหมู่บ้านธนะจนมาถงปากซอย แล้วข้ามสะพานลอยหน้าหมู่บ้านเดินผ่านสามัคคี วัดบางเตย แล้วข้ามสะพานลอยอีกครั้งหน้าTOPนวมินทร์ เดินเข้าด้านหลังหมู่บ้านธนะสิน หลังบ้านอาตมา วกมาหน้าบ้าน แล้วเดินยาวตลอดมาออกเส้นตัดใหม่ที่เดินผ่านเมื่อเช้า มุ่งหน้ากลับวัด!

**เมื่อเช้าระฆังเคาะตีสามครึ่ง แต่อาตมาตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันตีสี่ครึ่ง เอาบาตรคล้องคอเตรียมห่มจีวร อันนี้แหละคือสิ่งใหม่ท่ีต้องเรียนรู้และเป็นให้เร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นต้องรบกวนหลวงพี่ห้องข้างๆตลอดเวลา เมื่อคืนก็ลองหัดห่มจีวรแต่ยังไม่สำเร็จแต่เกือบได้แล้วล่ะ คิดว่าอีกสักวันสองวันคงจะพอได้ เมื่อเช้าก้อได้หลวงพี่ที่อยู่ห้องเบอร๑ช่วยห่มให้

**05.15 เป็นเวลาที่นัดหมายกับอาจารย์เล๊กเพื่อบิณทบาตรวันแรก เดินเท้าเปล่า!! แรกๆยังไม่ค่อยมีโยมตักบาตรเท่าไหร่ สุดท้ายกลับถึงวัด...ย่ามที่เตรียมไปเต๊มไปด้วยอาหาร บาตรที่คล้องคอก็เช่นกัน สรุปคอก้อหนัก ไหล่ขวาที่สะพายย่ามก็หนักเหมือนกัน เท้าก้อเริ่มมีอาการเพราะบางช่วงต้องเดินบนถนนที่เป็นกรวดเม๊ดเล๊กๆ มือขวาต้องคอยจับฝาบาตรไม่ให้ร่วง แขนซ้ายต้องคอยหนีบจีวรไม่ให้หลุดแถมอาหารที่โยมตักบาตรอีกหนึ่งถุงพลาสติก นั้นก้อแปลว่าขวาก็หนีบซ้ายก็เหน๊บ เท้าเริ่มเจ๊บ!! กลับมาถึงวัดก็เจ็ดโมงเช้า เหงื่อโซกเลย!

**ในการบิณทบาตรครั้งนี้โยมแม่ โยมยาย โยมลุงข้างบ้านก็ตักบาตรตามปกติ อาตมาก็จะได้มีโอกาสเห็นบ้านและเจอโยมแม่ทุกวัน สาธุ!

**บิณทบาตรวันนี้ ความเร๊วตอนออกตัวยังพอตามอาจารย์้เล๊กทัน แต่พอย่าเริ่มหนัก บาตรเริ่มเต็ม มือก็ต้องคอยขยับจีวรทำให้ความเร็วตก อาจารย์เดินจีวรปลิวสบายห่างหลายช่วงตัว ยิ่งก่อนถึงวัดมีโยมรอตักบาตรอาตมาต้องเร่งฝีเท้าเพื่อใหัทัน!

**เรื่องการให้พรโยมตักบาตร วันนี้อาตมาก็ได้แต่ยืนนิ่งๆ แต่ในใจก็พูดพุทโธๆเพื่อให้พรเช่นกัน !!

** การห่มผ้าเหลืองแล้วมีผู้คนที่เราไม่รู้จักกราบไหว้ แม้พระแค่เพียงเดินผ่านเป็นอีกความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ นอกจากอาตมาพึงต้องสำรวมตัวเองทั้งกาย วาจา และใจ

เป็นพระไม่ง่ายน่ะโยม อาตมามีเรื่องต้องเรียนรู้อีกเยอ่ะ แม้บางเรื่องอาจน่าเบื่อ แต่อาตมาต้องก้าวผ่านไปให้ได้! เจริญพร 12.44 น.

บันทึกฐานะยุตโต!

5 กค. 2552

**เมื่อวานพิธีบวชก้อผ่านไปเรียบร้อยสมความตั้งใจ ต้องขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านที่มาร่วมงาน อีกทั้งบางส่วนที่ติดภาระกิจไม่สามารถมาได้ อาตมาขออนุโมทนาบุญให้ทุกท่านด้วย เจริญพร

**เมื่อบ่ายก้ออยู่รอส่งทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัดภาพ รวมทั้งชุดสุดท้ายคือญาติๆที่มา หลังจากนั้นอาตมาก้อขึ้นมาพักบนคอนโด ตั้งใจจะอาบน้ำ ล้างเท้าให้สบายตัวแต่ก้อไม่ได้ทำจนสักทุ่มกว่าๆถึงจะได้ชำระร่างกาย สบายตัว!! และเข้านอนไปตอนสามทุ่มนิดๆ หลับสนิทเลยโยม!

**เมื่อวานช่วงบ่ายพระอาจารย์นัฐเรียกมาอบรมในเรื่องของการปฏิบัติตัวของพระ เรื่องกิจของสงฆ์ที่ต้องทำสิบประการ เรื่องการพูดจาโดยสรรพนามที่ใช้เรียกก้อมีตั้งแต่ ท่าน หลวงพี่ พระอาจารย์ สอนการจัดระเบียบร่างการในการนั่งและเปลี่ยนท่านั่งที่สำรวมเพราะเหล่าภิกษุสงฆ์ไม่ได้สวมกางเกงใน การนุ่งห่มจีวรในกิจต่างๆ การดื่มและการกินอาหาร รวมทั้งศีลของพระสงฆ์227ข้อแต่ท่านอาจารย์ยกมาบางส่วนที่จำเป็นสำหรับพระใหม่ เป็นพระไม่ง่ายน่ะโยม!

**สิ่งที่ต้องปฏิบัติในแต่ละวันและอาจมีเปลียนแปลงบางส่วนแล้วแต่ทางพระอาจารย์จะสั่งมา คือ
04.00 ตื่นขึ้นมาทำสมาธิในห้อง
05.15 โดยประมาณออกบิณทาตรเท้าเปล่า
07.30 ฉันอาหารเช้า
08.00 ลงโบสถ์ทำวัตรเช้าหมายถึงการสวดมนต์
11.00 ฉันเพล หลังจากนั้นจำวัดหรืออาจมีภาระกิจแล้วแต่พระอาจารย์สั่งมา
16.00 กวาดลานวัด
17.30 ลงโบสถ์นั่งสมาธิและทำวัตรเย็น หลังจากนั้นจำวัดแปลว่าพักผ่อน หรืออาจมีการอบรมจากพระอาจรย์ประมาณ 1ชั่วโมง- 1.5ชั่วโมง
22.00 ปิดไฟเข้านอน

เจริญพร 08.44 น.

บันทึกช่วยจำ!

2 กค.52

*เมื่อวานวันที่ 1 กค.สักประมาณบ่ายสามโมง เดินทางมาเช๊คอินที่วัด ได้อยู่นวกะคอนโดชั้น4 ห้องที่4 คนบวชเยอ่ะๆจริงเพราะว่าห้องเต็มแต่ยังโชคดีที่เหลือหนึ่งห้องถึงแม้ว่าจะต้องมีroommate ก้อตาม...roommate บวชวันที่5

*สิ่งแรกที่ต้องทำคือกวาดและเช็ดถูห้องให้สะอาด ได้อุปกรณ์การนอนคือเสื่อผืน หมอนใบ พัดลมหนึ่งตัว อุปกรณ์ยังชีพจาน ถ้วย ช้อนและส้อม รู้สึกตอนนี้เริ่มมียุงสงกะสัยต้องขอเบิกมุ้งแล้วล่ะ

*เมื่อเช้ามืดได้ยินเสียงเคาะระฆังประกอบเสียงหมาร้องเป็นออเคสตราตอนตีสามครึ่ง ธรรมชาติหมาที่นี้จะหอนพร้อมกนโดยมิได้นัดหมายเมื่อได้ยินเสียงเคาะระฆัง ขอบอก!หมาเยอ่ะมากกก นอกเรื่องสะงั้น อิอิ แต่เมื่อเช้าตื่นมาตอนเกือบเจ็ดโมง จนกระทั่ง07.30 เสียงระฆังดังขึ้นพร้อมการประสานเสียงของเหล่าหมาวัด หมายถึงได้เวลาตุนอาหารเช้าและเที่ยงจากการบิณทบาตรจากพระเมื่อเช้า อ่ะ!แน่นอนที่ทานอาหารเช้าก้อหน้านวกะคอนโดชั้นสี่ หน้าห้องเลย!

*เมื่อวานตอนหัวค่ำหลังจากซ้อมท่องบวชก็แว่บมาซื้อไวตามิลล์หน้าวัดหนึ่งกล่อง เย็นวันนี้ได้นมเปรี้ยวขนาดกลางมาหนึ่งขวด!

*ที่นี้เงียบสงบดี...ในบางเวลาน่ะ! ตอนบ่ายวันนี้ก้อจัดการอ่านหนังสือจบไปอีกหนึ่งเล่ม ตอนนี้ก็กำลังอ่านเล่มใหม่..ไม่ต้องแปลกใจเพราะเตรียมมาจากบ้านเลย คิดว่าจะให้น้องชายเอามาให้อีกสักสองเล่ม!

*วันนี้ตอนบ่ายที่วัดฝนตก อากาศเย็นสบาย รู้น่ะคิดว่าหลับล่ะสิ เปล่าเลย! นอนอ่านหนังสือต่างหาก ที่วัดมีกฏสี่ทุ่มต้องปิดไฟนอนทุกห้อง เพราะฉะนั้นถ้านอนกลางวัน..กลางคืนลำบากแน่!!

*มาอยู่วัดแค่หนึ่งคืน แต่สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนคืออาบน้ำเร็วขึ้นทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ปกติอาบเวลาไหนน่ะเหรอ ไม่บอกเดาเอาเองแล้วกัน อิอิ!

*วันนี้ก่อนเพลเดินกลับขึ้นมาที่นวกะคอนโดชั้นสี่ เจอพระอาจารย์ถามว่า"ขับรถเป็นไหม" ผมถามกลับไปว่า"ขับไปไหนอ่ะก๊าบ" พระอาจารย์ตอบ "ไปสนามหลวง"
ผมถามต่อ "รถอะรายอะก๊าบ"
พระอาจารย์ตอบ "รถกะบะ"
ผมตอบกลับทันทีเพื่อไม่ให้พระอาจารย์รอนาน "ขับไม่เป็นก๊าบ" หุหุ!! ผิดศีลข้อสี่เรียบร้อยเพราะในกระเป๋ามีใบขับขี่ตลอดชีีพอยู่!!
มุสา วาทา เวระมณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ

Patty from the block, นวกะคอนโดห้องเบอร์สี่ 20.34