บางๆ เบาๆ สบายๆ ที่เชียงใหม่ภาคสอง


วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เขียนที่บ้าน นวมินทร์ 68


เวลาสักประมาณทุ่มกว่าผมก็ลุกขึ้นออกจากเตียง ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแต่ยังคงใส่ชุดเดิมที่เพิ่งเสร็จงานเมื่อตอนบ่าย ได้เวลาที่จะต้องออกสำรวจพื้นที่กันแล้วว่าแถวนิมมานเหมิมนทร์ ถนนสายที่เท่ห์ ทันสมัยและTrendyที่สุดของเชียงให่ตอนนี้มีอะไรบ้าง

ผมออกมายืนอยุ่หน้าบ้านเสลามองไปฝั่งตรงข้ามมีร้านพิซซ่าเตาถ่านเกาะลันตา ถัดไปอีกไม่ไกลเป็นที่พักเหมือนกันชื่อ”บรรทมสถาน” ผมตัดสินใจเลี้ยวซ้ายจากหน้าที่พักเพราะว่าถนนนิมมานฯอยู่ทางนั้น เดินออกมานิดเดียวก็มีร้านกาแฟเล็กๆน่ารักชื่อ”ชีสแอนด์เค็ก”เดินผ่านไปยังไม่ได้ใช้บริการ บริเวณปากซอยด้านซ้ายมือมีร้านอาหารกึงผับแต่จำชื่อไม่ได้

เมื่อออกมายืนบริเวณปากซอยนิมมานฯซอยห้า ขวามือคือต้นถนนนิมมานเป็นแยกรินคำหรือถนนห้วยแก้วซึงถ้าเลี้ยวซ้ายจากแยกนี้เป็นจะไปมช. สวนสัตว์เชียงใหม่ และขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะไปเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว ถ้าตรงไปก็เป็นซุปเปอร์ไฮเวย์สามารถไปแม่ริม-แม่แตง หรือจะกลับกรุงเทพเลยก็ได้

จากปากซอยนิมมานห้าถ้าเลี้ยวซ้ายเดินจนสุดถนนแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีสามารถไปวัดสวนดอก รพ.มหาราช แต่ถ้าเดินจนสุดถนนเส้นนี้ก็สามารถไปถึงคูเมืองเชียงใหม่บริเวณประตูสวนดอก ในทางตรงกันข้ามจากสุดถนนเส้นนี้ถ้าเลี้ยวขวาก็สามารถไปกาดต้นพยอม ไปถนนหลังมช. เดินลัดเลาะเข้าซอยสามารถไปวัดอุโมงค์และวัดป่าแดงได้เช่นกัน

แล้วถนนนิมมานมีอะไร ทำไมยามค่ำคืนผู้คนจากทุกสารทิศจึงมารวมกันที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นนคนเชียงใหม่เองหรือผู้มาเยือนชาวไทย บรรยากาศยามคำคืนคึกคักทีเดียว ต่างจากตอนกลางวันที่ค่อนข้างเงียบเหงาแต่ยังมีเสน่ห์

ต้นถนนนิมมานฯมีร้านกาแฟดอยตุงและไมค์เบอร์เกอร์สาขานิมมานฯซึงอยู่เยื้องไปทางด้านขวามือจากนิมมานฯซอยห้า ส่วนปลายถนนนิมมานฯฝั่งเดียวกับซอยห้ามีร้านกาแฟดอยช้างเห็นไกลๆอยู่ลิบๆและเยื้องกันก็คือรร.คันทารีและผับชื่อดังของย่านนี้คือ”Warm Up” ซึ่งบริเวณปลายๆของนิมมานไม่ค่อยมีร้านค้าสักเท่าไหร่เพราะส่วนมากจะกระจุกตัวกันอยู่ประมาณซอยห้าถึงซอยสิบห้า อีกอย่างถัดจากกาแฟดอยช้างเป็นสถานที่ราชการ

คราวนี้เขยิบเข้ามาใกล้อีกนิดหนึ่ง...ปากซอยนิมมานฯห้าด้านขวามือมีธนาคารไทยพาณิชย์ ฝี่งตรงข้ามมีร้านสะดวกซื้อ711 มีTesco Lotus มีร้านซักแห้ง มีร้านขายเหล้า มีธนาคารกรุงเทพ มีร้านกาแฟวาวี มีโรงแรมYesterday

ส่วนฝั่งทางด้านซ้ายใกล้ๆก็มีทั้งStarbuck Black Canyon มนต์นมสด ร้านเค็กญี่ปุ่นเชื่อดัง”มองค์บลังค์” ร้านขายยา ร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารสารพัด ขอบอกอย่างหนึ่งว่าร้านกาแฟแถวนี้มีWiFiบริการทุกร้านเลยน่ะฮ้าฟฟฟฟฟฟฟ

ส่วนในซอยระหว่างซอยห้าถึงซอยสิบห้าก็ยังมีร้านอาหาร ผับ บาร์ กาแฟดอยวาวี 94ค๊อฟฟี้ รวมทั้งMonkey Pub ร้านไอติมไอเบอร์รี่ก็อยู่ในซอยแถวๆนิมนานนี้แหละ รับรองเลยว่าถ้ามาแถวนี้ไม่มีอดตาย ไม่มีลงแดงเพราะมีทุกสิ่งที่คุณต้องการอยู่ในบริเวณเดียวกัน

ผมก็เดินสำรวจเป็นวงหลมคือเริ่มจากปากซอยห้าเดินไปสุดถนนแล้วก็เดินกลับมาถนนอีกเส้นที่เป็นคู่ขนานกับนินมานแต่บรรยากาศต่างกันลิบลับ สรุปคือถ้ามาแถววนี้ก็เที่ยวแถวนี้แหละไม่ต้องไปเสาะแสวงหาที่อื่นอีกแล้ว ครบทุกสิ่งจริงๆ สาวๆที่มาเที่ยวก็งามๆกันทั้งนั้น เฮ้อ!!!!

ผมเดินครบรอบเป็นวงกลมแต่ก่อนกลับเข้าห้องก็แวะซื้อน้ำและกาแฟเตรียมไว้สำหร้บวันรุ่งขึ้น นี้เป็นเพียงคืนแรกเท่านั้นของการพักแถวนิมมาน..ชางน่าตื่นเต็นจริงๆ แต่วันนี้ทำงานและเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน ผมตัดสินใจกลับเข้าที่พัก อาบน้ำชำระร่ายกายให้สะอาดเพราะพรุ่งนี้มีโปรแกรมเดินแสวงบุญเที่ยวสามวัดในเชียงใหม่ ผมตั้งชื่อให้ว่า”เดินอย่างเต่า เที่ยวอย่างทาก”

โปรดติดตามตอนต่อไป...23.00

เบื้องลึก เบื้องหลัง เหตุปะทะไทย – เขมร ผ่านทวิตเตอร์



ข้อมูลโดย แคน สาริกา
@can_nw Thailand
บรรณาธิการและคอลัมนิสต์ สื่อเครือเนชั่น


แนวรบไทย-เขมร ด้านปราสาทพระวิหาร ไทยได้เปรียบทางภูมิประเทศ อยู่สูงกว่า จึงมีความได้เปรียบ ไม่นับเรื่องอาวุธ

ย้อนไปในอดีต ปี 2530 ในยุทธการช่องบก ยกแรกทหารไทยแตกพ่าย เพราะทหารเวียดนามยึดเนินสูงกว่า แถมอยู่ในดินแดนไทย

ยุทธการช่องบก อ.นาจะหลวย จ.อุบลฯ เกิดจากความวางใจให้ "เขมรแดง" เป็นกันชน แต่เวียดนามแอบมายึดเนินไว้แบบทหารเราไม่รู้ตัว
ยุทธการช่องบก ฝ่ายทหารภาค 2 บุกยึดเนินคืน แต่ "ติดกับดัก" ทหารเวียดนามอยู่เนินสูง กว่า ใช้ปืนใหญ่เวียดนามถล่มตายยับนับร้อย

ยุทธการช่องบก ยกต่อมา ทหารไทยปรับยุทธวิธีใหม่ รบกึ่งกองโจร ประสานการยิงปืนใหญ่ถล่ม ผ่านไปหลายเดือน เวียดนามจึงถอนกำลังออกไป

ความได้เปรียบด้านปราสาทพระวิหาร ดูได้จากยุทธการช่องพะพลัย ปี 29 ที่ทหารไทยถล่มรถถังเวียดนามแหลกคาช่องเขา เพราะไทยอยู่สูงกว่า

ทหารเขมรใต้การนำของฮุนเซน ไม่เคยรบแบบเดี่ยวๆ ที่ผ่านมา มีทหารเวียดนามเป็น "พี่เลี้ยง" ทั้งขับรถถัง ยิงปืนใหญ่

ที่มารบกับทหารไทยในยุทธการช่องบก ปี 29 ก็เป็นทหารเวียดนาม ส่วนทหารเขมรฮุนเซน เป็นแค่กำลังเสริม

เหตุใดเวียดนาม จึงต้องช่วยฮุนเซน? ขอเล่าอีกครั้ง เผื่อผู้ที่ยังไม่ทราบ

เดิมที "ฮุนเซน" เป็นเขมรแดง แต่ตอนหลังขัดแย้งกับกลุ่มพลพตที่มีจีนหนุนหลัง จึงวิ่งไปซบเวียดนาม และร้องขอให้เวียดนามมาช่วยขจัดเขมรแดง

ต้นปี 21 เวียดนามยกกำลังพลนับแสนคนยึดพนมเปญ และไล่เขมรแดงหนีไปอยู่ในป่า หลังจากนั้น ก็หนุน "เฮงสำริน เจียซิม ฮุนเซน" ปกครองเขมร

"เฮง สำริน เจียซิม ฮุนเซน" คืออดีตเขมรแดง ที่แปรพักตร์ไปสวามิภักดิ์เวียดนาม ส่วน "เตียบัน" เป็นไทยเกาะกง ที่เข้าร่วมกับฮุนเซนสู้กับเขมรแดง

ปี 22 จีนจับมือไทย ให้การหนุนช่วย "เขมรแดง" "เขมรสีหนุ" "เขมรซอนซาน" (เขมรซีไอเอ) ต่อสู้กับกลุ่มฮุนเซน ที่มีเวียดนามเป็นพี่เลี้ยง

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ประสานงานจาก "ปักกิ่ง" ถึง "เขมรกู้ชาติ" ที่ชายแดนไทย โดยมีทหารไทยตั้งหน่วย ฉก.อยู่ร่วมกับทหารเขมรกู้ชาติ

พล.อ.ชวลิต ในขณะนั้น ทำตัวเป็น "สายลับสองหน้า" คือหน้าหนึ่งตัวเชื่อมปักกิ่ง-ชายแดน, อีกหน้าหนึ่งคือติดต่อกับ "เตียบัน" แบบลับๆ

เมื่อเวียดนาม ถอนตัวออกจาก "หล่มสงคราม" ยูเอ็นจึงเข้ามาบริหารจัดการเลือกตั้งในเขมร พล.อ.ชวลิต จึงเป็นคนที่ฮุนเซน-เตียบัน ให้ความเคารพ

ในวันนี้ ศูนย์อำนาจเขมรอยู่ในกำมือของ "พรรคประชาชนกัมพูชา" ที่มี "สามเสาหลัก" คือ เฮงสำริน เจียซิม และฮุนเซน ที่ร่วมกันโค่นเขมรแดงปี 21

ในสามเสาหลัก ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดคือ ฮุนเซน และพยายามจะสร้าง "ราชวงศ์ฮุน" ขึ้น โดยการวางทายาท "พล.ต.ฮุนมาเนตร" ให้สืบทอดอำนาจ

"เตียบัน" เป็นหนึ่งในศูนย์อำนาจฯ แต่มีความแปลกแยกตรงที่เตียบันคือเป็น "ไทยเกาะกง" หรือคนเกาะกง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของสยาม

เมื่อฝรั่งเศสยึดดินแดนไทย จึงได้นำเอา "เกาะกง" ไปผนวกเข้ากับเขมร จึงทำให้คนเกาะกงถูกเรียกขานอีกอย่างว่า "ไทยเกาะกง"

"เตียบัน" รมว.กลาโหม(ไทยเกาะกง) จึงให้สัมภาษณ์นักข่าวไทยได้ โดยไม่ต้องใช้ภาษาเขมร แต่นาทีนี้ สัมพันธ์ "ฮุนเซน" กับ "เตียบัน" ไม่ปกตินัก

"ฮุนเซน" พยายามดึงอำนาจจาก "เจียซิม-เตียบัน" มาไว้ที่ตัวเอง และวาดหวังที่จะให้ "ฮุนมาเนตร" เป็นผู้กุมอำนาจทางทหาร

กษัตริย์สีหนุ ทรงแต่งตั้งฮุนเซนเป็น "สมเด็จอัครมหาเดโชฮุนเซน" หรือเรียกสั้นๆว่า "สมเด็จฮุนเซน"

เกมสงครามของฮุนเซนครั้งนี้ แยกไม่ออกจาก "เกมอำนาจ" ภายในพรรคประชาชนกัมพูชา นอกเหนือการใช้สงครามแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ

กองพลพิเศษของฮุนมาเนตร นายทหารส่วนใหญ่จะมาจาก "เขมรแดงเก่า" ที่ถูกฮุนเซนซื้อตัวเป็น "กองพลองครักษ์" พิทักษ์ราชวงศ์ฮุน

"ฮุนเซน"เป็นนักการเมืองที่เก๋าเกม จึงสยบ "กษัตริย์สีหนุ" ได้อยู่หมัด และทะยานสู่อำนาจ ด้วยการขจัดศัตรูการเมืองไปทีละคน
เรื่องโคตรตลก วันนี้ "ฮุนเซน" ยังญาติดีกับเวียดนาม อีกด้านหนึ่งก็จูบปากจีน และจีนเองเลิกใช้บริการเขมรแดง หลังจากพลพลตายอย่างอนาถ

เบาๆ บางๆ สบายๆ ที่เชียงใหม่


วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554

เขียนที่บ้านพักตากอากาศ”ลุมพินี”

ช่วงวันที่ 24 – 27 มกราคมที่ผ่านมาได้ไปนอนเล่นและพักผ่อนที่เชียงใหม่เป็นเวลาสี่วันสามคืน โดยพักที่บ้านเสลาเกตส์เฮาส์ นิมมานซอยห้า

โปรแกรมนี้เริ่มวางแผนตั้งแต่รับงานและทราบว่าจะไปจบทัวร์ที่เชียงใหม่ ทริปนี้ไม่พลาดแน่เริ่มจากจองห้องพักก่อนทีแรกจองไปสองคืนแต่เปลี่ยนใจเป็นสามคืน ส่วนการเดินทางกลับก็ใช้บริการของแอร์เอเชีย..อันนี้ก็จองผ่านทางเว็บโดยให้น้องชายจองและรูดการ์ดให้ สรุปคือทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเดินทาง

วันที่ 24 มกราคม เวลาประมาณบ่ายสามโมงเสร็จงานหลังจากที่ส่งแขกเข้าที่พัก ณ ริมปิงวิลเลจ คนขับรถ”พี่ประหยัด”ก็มาส่งแถวไนท์เชียงใหม่ ส่วนคุณพี่แกก็ขับรถดิ่งไปเยียมเมียและลูกชายตัวน้อยที่วังชิ้นต่อไป

ยืนมองซ้ายมองขวาอยู่สักพักก็มีตุ๊กตุ๊กผ่านมา
ผม”ไปนิมมานซอยห้าพี่ เท่าไหร่”
คนขับ”ร้อยห้าสิบ”
ผม”โอ้โฮ้!ขนาดนั้นเลย”
คนขับ”วันนี้มช.รับปริญญาวันสุดท้าย แถวนั้นรถติดมาก”
ผม”เพื่อนก็บอกอะน่ะว่ามช.รับปริญญา ....ไป”

ผมกระโดดขึ้นตุ๊กตุ๊กพร้อมกระเป๋าและเป้หนึ่งใบ นั่งสบายๆรับอากาศยามบ่ายและสัมผัสกับบรรยากาศสองข้างทางคูเมืองเชียงใหม่ รถตุ๊กตุ๊กขับลัดเลาะมาสักพักก็มาจอดหน้าที่พัก”บ้านเสลาเกตส์เฮาส์” ผมก็จ่ายเงินค่ารถไปหนึ่งร้อยห้าสิบบาท แน่นอนถ้าเป็นวันธรรมดาผมคงไม่ยอมจ่ายเยอะขนาดนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้คือวันหยุด วันพักผ่อน ไม่เคยถูกเลย เป็นเรื่องธรรมดา

ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือเหมือนพักอยู่ที่บ้านเลย บรรยากาศดีมากทีเดียว

เมื่อเอาของลงจากรถ”น้องวี” ก็มาต้อนรับพร้อมขอบัตรประชาชนเพื่อทำการลงทะเบียน เสร็จแล้วคุณน้องวีก็ส่งกุญแจห้องมาให้”เบอร์205” หลังจากนั้นก็นำชมห้องครัวมีทั้งตู้เย็น ชา กาแฟ ขนมปัง กระติกน้ำร้อน จาน ชาม พร้อมสรรพของพวกนี้เราสามารถใช้ได้หมดตลอดเวลา แต่ใช้แล้วก็ต้องล้างให้ด้วยนะค่ะ รวมทั้งให้Password WiFi สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบ้านเสลาจะปิดหลังสี่ทุ่มไปแล้วแต่ยังมีประตูด้านข้างที่ต้องใช้การเปิดด้วยรหัสพิเศษ เท่ห์มาก!!!

ยกกระเป๋าขึ้นมาบนห้องซึ่งอยู่บนชั้นสองจากทั้งหมดสามชั้น บนชั้นสองมีห้องพักทั้งหมดหกห้องและสองห้องน้ำรวม ผมดิ่งตรงเข้าไปในห้อง เปิดพัดลม เปิดหน้าต่างให้กว้างเพื่อรับลมเย็นที่พัดเข้ามาในห้อง เปิดกระเป๋า ทุกอย่างเปิดหมดพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางครั้งใหม่

ผมนอนเล่นอยู่ในห้องจนค่ำจึงเด้งลุกออกจากเตียงเพื่อสำรวจสภาพโดยรอบของถนนนิมมานเหมินทร์ แน่นอนยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดแต่อย่างใดเพียงแค่ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการสำรวจคืนแรก มาดูสิว่าแถวนิมมานมีอะไรบ้าง

สงสัยต้องมีภาคต่อ...ติดตามกันต่อไป

เหตุเกิดของมหากุศล



ประเภทของจิตที่เป็นมหากุศล..สมมติว่าเราใส่บาตรทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ เราเคยพิจารณาไหมว่าเราทำเพราะอะำไร เช่น
นายก.ใส่บาตาิเสาร์อาทิตย์ตอนเช้าเพราะคิดว่าตนเองไม่มีเวลาใส่บาตรในวันธรรมดาเพราะต้องไปทำงานก็เลยขวนขวายในวันเสาร์อาทิตย์เพืื่อเป็นการสะสมบุญเอาไว้เป็นผลปรากฎในอนาคต ความคิดของนายก.ก็เป็นมหากุศล

นายข.ใส่บาตรเสาร์อาทิตย์เหมือนกัน แต่คิดว่าเราเป็นผุ้ทำมาหากินได้ถ้าไม่สงเคราะห์ผู้ประพฤติศีลประพฤติธรรมอย่างพระภิกษุเพราะว่าพระภิกษุทำมาหากินไม่ได้ ดังนั้นจึงขวนขวายในงานบุญในเรื่องของการใส่บาตร

นายค.ใส่บาตรเหมือนกันแต่คิดว่าพ่อแม่เคยทำมา บรรพบุรุษเคยทำมา ก็เลยทำตามๆกันไป
คำถามคือทั้งสามกรณีตัวอย่าง ทั้งสามบุีคคลทำบุญด้วยใจที่เป็นกุศลคือมีมหากุศลจิตเกิดขึ้นไหม?

เฉลยคือทั้งสามคนมีการให้ทาน..ใส่บาตรทำบุญด้วยจิตที่เป็นกุศลแต่คนละแบบคนละอย่างคนละชนิด เช่น
นายค. ทำเพราะปู่ย่าตายายเคยทำมา ทำตามๆกันไป มหากุศลแบบนี้ไม่มีปัญญาประกอบคือไม่มีปัญญาใคร่ครวญพิจารณา

นายก. ทำเพราะปรารถณาในบุญ ทำเพราะหวังผลในบุญ จิตของนายก.เป็นมหากุศลคือการหวังผลในบุญเป็นกุศลขั้นต่ำ ส่งผลในเทวภูมิชั้นต่ำ

นายข. ทำบุญเพราะตนเองเป็นผุ้ทำมาหากินได้ พระภิกษุทำมาหากินไม่ได้เราจะวางใจดูดายที่จะไม่ดูแลท่าน ถ้าไม่มีใครดูแลท่านในปัจจัีย4 ท่านจะอยู่ได้อย่างไร ความคิดอย่างนี้เป็นมหากุศลคือเกิดขึ้นพร้อมด้วยปัญญาไม่มีการชักชวน เกิดขึ้นเอง และการทำบุญแบบนี้ไม่หวังผลในบุญเพื่ออนุเคราะห์ผู้รับ จะส่งผลนำไปเกิดในเทวภูมิ ในภูมิชั้นสูง"ชั้นที่5 นิมมานนรดี"

ถ้ามีบางบุคคลไม่ได้ปรารถณาในบุญและเข้าใจในเรื่องบุญ เรื่องบาป เข้าใจในความเป็นไปในกรรมของสัตว์ทั้หลายและมีความคิดว่าเราจะทำบุญเพื่อขัดเกลากิเลส ไมไ่ด้เพื่อปรารถณาใดๆ การทำบุญแบบนี้เกิดขึ้นด้วยปัญญา ไม่มีการชักชวน เป็นจิตที่สละจริงๆ ผลของกุศลอย่างนี้เป็นผลขั้นสูงคือนำไปเกิดในเทวดาชั้นสูงสุด"ปรนิมฯ"

ลองเปรียบเทีียบ >การใส่บาตรเพื่อขัดเกลากิเลสของตัวเองกับการทำบุญที่อธิษฐานขอให้เกิดมาสวย รวย เก่ง ปัญญาดี สารพัดจะขอ แล้วดูสภาพจิตที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไหม ผลบุญที่เกิดขึ้นอาจจะยิ่งใหญ่ อาจจะมีกำลังสูง ถ้าส่งผลย่อมนำความสุขมาให้ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า ขณะปฏิสนธิ

ข้อมูลจากอภิธรรมออนไลน์