เรื่องเล่าจากสามก๊ก ตอนขงเบ้ง เมืองม่าน และหมั่นโถว

....ครั้นทัพหน้าของขงเบ้งยกมาถึงแม่น้ำลกซุย ขณะนั้นเป็นเดือนเก้าฤดูใบไม้ร่วงเกิดเมฆดำทะมึนมีลมพายุพัดจัด กองทัพไม่อาจข้ามน้ำไปได้ ทัพหน้าจึงกลับมารายงานต่อขงเบ้ง

ขงเบ้งถามเบ้งเฮ็กถึงสาเหตุ
เบ้งเฮ็กชี้แจงว่า "อันแม่น้ำสายนี้มีปีศาจคอยหลอกหลอนอยู่เสมอ ผู้ที่จะผ่านไปมาจักต้องทำการเซ่นไหว้ก่อนจึังหายไป"

ขงเบ้งว่า "ใช้อะไรเป็นเครื่องเซ่นไหว้เล่า"
เบ้งเฮ็กว่า "แต่เดิมมาเมื่อปีศาจสำแดงฤทธิ์หลอกหลอนต้องใช้ศรีษะคนสี่สิบก้าหัว หัววัวดำและแพะขาว เป็นเครืองเซ่น แล้วคลื่นลมก็จะสงบนิ่งไป การเซ่นไหว้เพื่อให้ข้าวกล้าสมบูรณ์ก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน"

ขงเบ้งว่า "เราเพิ่งรบเสร็จใหม่ๆ จะให้ฆ่าคนอีกไฉน"

แล้วขงเบ้งไปสำรวจที่ริมฝั่งแม่น้ำลกซุย เห็นเมฆครึ้ม ลมพายุพัดจัด คลื่นโหมแรงนัก ผู้คนและม้าอกสั่นขวัญหายไปตามๆกัน ขงเบ้งประหลาดใจยิ่งนัก จึงลองถามชาวบ้านย่านนั้นดู

ชาวบ้านบอกว่า "นับแต่ท่านสมุหนายก ยกทัพข้ามแม่น้ำนี้ไปแล้ว ทุกคืนได้ิยินเสียงปีศาจร่ำไห้อยู่ริมฝั่งน้ำตลอดเวลา เริ่มแต่พลบค่ำจนถึงรุ่งเช้าทีเดียวแลปีศาจดำมะเมื่อมลอยอยู่ตามหมอกควันเป็นอันมาก จึงไม่มีใครกล้าข้ามแม่น้ำนี้ไปแม้แต่คนเดียว"




ขงเบ้งจึงว่า "นี้อาจะเป็นเพราะบาปกรรมที่เราทำไว้ เมื่อครั้งเราให้ม้าต้ายคุมทหารพันหนึ่งยกมานั้น ทหารทั้งปวงล้มตายอยู่ในแม่น้ำนี้หมดสิ้น ทหารชาวม่านก็พากันตายอยู่ในที่นี้เป็นอันมาก วัญญาณของพวกเขาจำสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็น คืนนี้เราจะไปเซ่นไหว้ด้วยตนเอง"

ชาวบ้านว่า "ก็ต้องปฏิบัติตามประเพณีที่มีมาแต่เดิม คือต้องฆ่าคนเอาศรีษะสี่สิบเก้าหัวไปเป็นเครื่องเซ่น ปีศาจเหล่านั้นจึงจะหายไป"

ขงเบ้งว่า "ที่เกิดการณ์นี้ขึ้น ก็ด้วยวิญญาณของผู้ตายเป็นเหตุ ไฉนจะต้องฆ่าคนมีชีวิตเพิ่มเข้าอีกเล่า เราจะคิดอ่านทำเอง"

ว่าแล้ว ให้ทหารฆ่าวัวและแพะ ให้เอาแป้งมาปั้นเป็นรูปศรีษะคน เนื้อวัวเนื้อแพยัดไว้ข้างใน เรียกว่า"ม่านโถว" (แปลว่าหัวม่าน)


.....นี้แหละครับคือที่มาของซาลาเปาไม่มีไส้หรือ "หม่านโถวหรือหมั่นโถว" ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน มีที่มาจากสามก๊กนั้นเอง...

ขยายความเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย "ม่าน"ในที่นี้หมายถึงคนม่านและเมืองม่าน เมืองทางใต้ของแคว้นจก (เล่าปี)ในสามก๊กที่ขงเบ้งยกทัพใหญ่มาปราบ

ตัวละครสำคัญคนหนึ่งของเมืองม่านชื่อ"เบ้งเฮ็ก" มีตำแหน่ีงเป็นอ๋อง ขงเบ้งจับมาได้แล้วก็ปล่อย ทำอย่างนี้อยู่ 7 ครั้งจึงยอมจำนนด้วยใจ


ภาพประกอบ :
http://www.travelprothai.com/board/topic?f=6&t=10086#.UcvV-DsdvE0

ข้อมูลจาก :
หนังสือสามก๊ก โดยวรรณไว พัธโนทัย

เล่าปี ความแค้นที่สุมอกและความตาย!

กรณีก.ไอซีทีไล่ปิดเว็บและดำเนินคดีกับบุคคลที่กล่่าวร้ายนายกรัฐมนตรีในกรณี"ปาฐกาถาขายชาติที่มองโกเลีย" ทำให้นึกถึงสามก๊กตอนที่"เล่าปี่โกรธฝุดฝุดที่สองพี่น้องร่วมสาบานคือกวนอูและเตียวหุยโดนฆ่า"



ภาพ : เล่าปี่ กวนอูและเตียวหุย สาบานเป็นพี่น้อง ณ สวนดอกท้ัอ

ต้องย้อนกลับไปเล่าเรื่องสามก๊กตอนนี้ให้ฟังสักเล็กน้อยจะได้รู้ที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้

....โจโฉ แห่งแคว้นวุย เสียชีวิตในวัย 66 ปี
ลูกชายคนโตคือ"โจผี"ครองอำนาจต่อและให้สมุนบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้สละราชบัลังค์ เพื่อตัวเองจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้

....ในขณะเดียวกันเมื่อเหล่าขุนนางและขงเบ้งแห่งแคว้นง่อทราบข่าวเรื่องโจผีโค่นบัลลังค์พระเจ้าเหี้ยนเต้แล้ว ทุกคนพร้อมใจกันเสนอให้เล่าปี่ แห่งแคว้นจกรับตำแหน่งฮ่องเต้ ใช้เวลาเกลี่ยกล่อมอยู่นานกว่าเล่าปี่จะยอมรับตำแหน่งฮ่องเต้

ก่อนที่เล่าปีจะเป็นฮ่องเต้
..."กวนอู" เสียทีข้าศึกและถูกจับตัวไปให้ซุนกวน แห่งแคว้นง่อ สุดท้ายถูกซุนกวนสั่งประหารชีวิต จบชีวิตนักรบผู้ยิ่งใหญ่ในวัย 58 ปี

หลังเล่าปี่รับตำแหน่งฮ่องเต้
..."เตียวหุย" ถูกลูกน้องเก่าฆ่าตายและโดนตัดหัวไปมอบให้"ซุนกวน"

"เล่าปี กวนอูและเตียวหุย สามพี่น้อง คนละท้องทั้งพ่อและแม่ แต่สาบานเป็นพี่น้องกันที่สวนดอกท้อว่าจะร่วมเป็นร่วมตาย นี้คือชนวนสำคัญทีทำให้เล่าปี่ขาดสติ เพราะโดนความโกรธ เกลียดและความแค้นเข้าครอบงำ"

สองเหตุการณ์นี้ทำให้"เล่าปี่"แค้นซุนกวนจนอยากจะไปกระทืบและฆ่าตัดคอ เอาเลือดมาล้างเท้าให้หายแค้น ตั้งใจจะยกทัพไปฆ่าซุนกวนให้หายแค้น แต่เหล่าขุนนาง รวมทั้งจูล่งและขงเบ้งก็ทัดทาน เพราะเป้าหมายใหญ่เพื่อส่วนรวมคือ"โจผี" ที่บังอาจล้มราชบัลลังค์พระเจ้าเหี้ยนเต้ มิใช่ยกทัพไปเข่นฆ่าซุนกวนซึงเป็นเรื่องส่วนตัว

....แต่ไม่สำเร็จ....

สุดท้ายเล่าปีอยู่ทัพหลวง ยกพลบุกตะลุยไปกระืืทืบและหมายฆ่าซุนกวนล้างแค้นให้หายโกรธ...

ฝ่ายซุนกวนทราบข่าวการยกทัพของเล่าปี่จากเหล่าเสือหมอบแมวเซา มีคำสั่งแต่งตัว "ลกซุน" แม่ทัพวัยละอ่อน ยกทัพเข้าต่อสู้

เพราะความดื้อดึง ไม่ฟังเสียดทัดทานจากเหล่าขุนพลผู้เจนสงคราม ประมาท และทะนงในตัวเองมากเกินไป สุดท้ายกองทัพของพระเจ้าเล่าปีก็เสียท่าและเสียทีแก่แม่ทัพวัยละอ่อนแห่งแควันง่อ "ลกซุน"

ตัวของพระเจ้าเล่าปี่เอง ก็หนีหัวซุกหัวซุนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้จูล่งและขงเบ้งเข้ามาช่วย งานนี้บอกได้คำเดียวว่า"ยับเยินสุดๆ"


หลังจากศึกที่พ่ายแพ้อย่างยับเยินครั้งนี้ พระเจ้าเล่าปีก็ไม่สบาย อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ และสิ้นพระชนม์ ในวัย 63 พรรษา

.................................................


เหตุการณ์นี้แหละที่ผมนำมาเปรียบเทียบกับกระทรวงไอซีที รัฐมนตรีทุกท่านและคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ถ้าพวกท่านลุแก่อำนาจ หลงระเริง ใช้อำนาจไปในทางมิชอบ ทำอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนตน ละเลยสิ่งที่เป็นประโยชน์ของส่วนรวมหรือของประเทศชาติ สักวันสิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับมาทำร้ายพวกท่านเอง แต่ประเทศชาติและประชาชนเป็นผู้ได้รับความเสียหาย

เวลา 12.30 น.
วันพุธที 12 มิถุนายน พ.ศ.2556
เล่าเรื่องโดย ตบะเสือ ณ ลำน้ำกษัตริย์

ปลาพญานาค มิใช่้พญานาค


"ภาพนี้เห็นกันบ่อย....พญานาคในแม่น้ำโขง?"


ความจริงแล้วเจ้าปลาตัวนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Oarfish หรือ ปลาพญานาค อีกทั้งมีชื่อเรียกหลายชื่อ อาทิ king of the herring, Pacific oarfish, streamer fish และ ribbon-fish

ค้นพบครั้งแรกในปีค.ศ.1772 โดยนักชีววิทยาชาวนอรเวย์ Peter Ascanius

ปลาชนิดนี้สามารถที่จะโตและมีลำตัวยาวถึง 50 ฟุต หรือ ประมาณ 15.24 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 272 กก.


เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลหรือมหาสมุทร ระดับความลึกของน้ำที่เจ้าปลาพญานาคอาศัยคือ 656 ฟุต (0.2 กิโลเมตร) และ 3,280 ฟุต (1 กิโลเมตร) เพราะฉะนั้นแล้วเป็นการยากมากที่เราจะเห็นได้ด้วยตา หรือ ใครที่คิดจะจับก็ยากเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือเจ้าปลาชนิดนี้ตาบอดเพราะมันอยู่ในระดับที่ลึกมาก แสงส่องลงไปไม่ถึง 



จนท.Navy SEALS ของสหรัฐถ่ายรูปร่วมกับปลาพญานาค หรือ Oarfish ความยาวประมาณ 7 เมตร ในปี1996 บริเวณชายหาดแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


ภาพและข้อมูลโดย

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2556
เรียบเรียงและเล่าเรื่องโดย : PattyFromTheBlock

เตียวหุย ผู้นำที่เสียคนเและตายเพราะเหล้า

...อย่าเป็นผู้นำแบบเตียวหุย...

ชอบกินเหล้าทำให้เสียงานเสียการ  ขี้เมา ขี้โมโห ไม่มีเหตุผล วู่วาม ใจร้อน เอาตัวเองเป็นใหญ่ ใครทำอะไรไม่ถูกใจหรือไม่ทำตามคำสั่งก็ลงโทษ เข้าตำรา"มีอำนาจ แต่ไร้บารมี มีฝีมือ แต่ไร้สมอง"




เหตุการณ์สุดท้ายที่นำพาให้ตัวเขาไปสู่ความตายคือเตียวหุยสั่งให้ลูกน้องเตรียมเคลือนทัพเดินทางภายในสามวันไปโจมตีเมืองของซุนกวนเพืีอแก้แค้นแทนกวนอูที่โดนทหารของฝ่ายซุนกวนฆ่าตาย

แต่มีนายทหารสองคนบอกเตียวหุยว่า "เวลาสามวันมันน้อยไป ขอเลื่อนออกไปอีกได้ไหม"

พูดไปแค่นี้แหละ แต่ทำให้เตียวหุยอารมณ์เสีย โกรธๆๆๆ เพราะใจมันร้อนอยากจะไปแก้แค้นให้กวนอูแทบขาดใจ เมือมีคนมาขัดใจ ก็เลยสั่งให้จับทหารสองนายนี้ไปแขวนกับต้นไม้และทำการลงโทษด้วยการเฆี่ยนคนละ 50 ที

หลังจากได้รับการปล่อยตัว ทหารสองคนนี้ก็โกรธนะสิคร้าบบ พูดไปแค่นี้ยังโดนเฆี่ยนแทบตาย ถ้าคราวหน้าทำอะไรลงไปหรือพูดจาอะไรไม่เข้าหู ไม่โดนสั่งตัดคอหรือไง อารมณ์ขึ้นๆลงๆเหมือนคนวัยทอง อีกทั้งโมโหร้ายอย่างนี้ อยู่ด้วยลำบากจริงๆ

"งั้นเราฆ่าเตียวหุย ก่อนที่ไอ้หนวดเฟิ้มจะฆ่าเราดีฝ่า"

นายทหารสองคนนี้รู้อยู่แล้วว่า เตียวหุยชอบกินเหล้า รอให้เมาก่อนแล้วค่อยเข้าไปเชือดคอ

เป็นไปตามคาด คืนนั้นเตียวหุย เมาจนขาดสติ หลับเหมือนคนตาย คร๊อกฟี้ๆๆๆ

ทั้งสองสบโอกาส ก็เลยเข้าไปถึงห้องนอนของเตียวหุยอย่างง่ายดาย ตายเสียเถอะมึง อยู่ไปก็รกโลก

"คนหนึ่งเอากระบี่แทงที่ซอกคอ อีกคนหนึ่งแทงเข้าที่ท้อง" เตียวหุยขาดใจตาย ด้วยวัย 55 ปี

ยังไม่สะใจ! นายทหารทั้งสอง"ตัดคอ"เตียวหุยและรีบเดินทางหนีอกจากเมืองทันที

ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังเมืองง่อ..."ซุนกวน! ข้ามีหัวเตียวหุยมาฝาก"



ภาพประกอบ : http://www.tayan008.com/webboard/viewtopic.php?p=349780


วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2556
เล่าเรื่ืองโดย : ตบะเสือ ณ ลำน้ำกษัตริย์
ข้อมูล : หนังสือสามก๊ก ฉบับวรรณไว พัธโนทัย