การเดินทางครั้งล่าสุด"เชียงใหม่2"


วันพฤหัสบดีที่่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ณ บ้านนวมินทร์

     ผมใช้เวลาอีกสักพักอยู่ในห้องพักโรงแรมเดอะปาร์ค นอนดูทีวี ล้างหน้าล้างตา สักประมาณเกือบสิบเอ็ดโมง ผมก็จัดเอกสาร อุปกรณ์และกล้องถ่ายรูปลงย่้ามใบเก่งเตรียมตัวออกเดินทาง

     ด้วยอากาศที่ไม่น่าไม่วางใจ ผมเลือกที่จะใส่รองเท้าแตะและเตรียมเสื้อกันฝนมา้ด้วย เดินลงมาหน้าโรงแรมเลี้ยวซ้ายมองขวา ไม่เห็นรถสองแถวแดงสักคันก็เดินเล่นมาเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณเชียงใหม่แลนด์ ก็มีรถสองแถวแดงมาจอดพร้อมบริการที่จะไปส่งบริเวณกาดหลวงหรือตลาดวโรรส

     ผมมากระโดดลงจากสองแถวแดงพร้อมกับยื่นแบงค์ยี่สิบเป็นค่าโดยสารให้น้าคนขับรถแถวๆถนนข่วงเมรุหรือบริเวณด้านหลังตลาดวโรรสต่อกับถนนช้างม่อย

     ผมเดินตลอดจากถนนข่วงเมรุหรือด้านหลังตลาดวโรรสจนมาออกถนนช้างม่อย ซึงฝั่งตรงข้ามถนนที่ผมยืนนั้นคือตลาดนวรัฐ!!!



             (ฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือ7-11อยู่ใกล้กับการตลาดต้นลำไย ส่วนถนนที่รถวิ่งมาคือถนนช้างม่อยกำลังเลี้ยวขวาเข้าถนนวิชชยานนท์)
   
     จากจุดนี้ตรงสามแยกข่วงแมรุ - ช้างม่อย ถ้าผมเลี้ยวขวาเดินไปจนสุดถนนช้างม่อยก็จะไปเจอ7-11บนถนนวิชชยานนท์ ณ ตรงนี้ถ้าหันหน้าไปยัง7-11 ฝั่งที่ผมยืนนี้คือตลาดวโรรส ฝั่งซ้ายมือผมคือตลาดนวรัฐฝั่งตรงข้ามถนนคือตลาดต้นลำไยและถ้าเดินทะลุตลาดต้นลำไยก็จะไปโผล่ตลาดดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่บนถนนที่เรียบแม่้ำน้ำปิง "ถนนไปรษณีย์" 

     บริเวณตลาดดอกไม้ บนถนนไปรษณีย์ ถ้าหันหลังให้ตลาดด้านหน้าก็จะเป็นแม่น้ำปิง แม่น้ำคู่บ้านคู่เมืองคนเชียงใหม่ ถ้าเลือกที่จะเลี้ยวขวาแล้วเดินไปเรื่อยๆก็จะเจอสะพานนวรัฐ แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะสังเกตุเห็นมีสะพานลอยข้ามถนนอยู่หน้าตลาดดอกไม้ ใช้สายตาทอดยาวไปตามสะพานลอยนี้มันก็จะกลายเป็นสะพานเล็กๆน่ารักข้ามแม่น้ำปิงเรียกว่า "สะพานจันทร์สม"

     ใช่แล้วครับ! ตลาดเหล่านี้ละครับที่ผมต้องสำรวจว่าแต่ละตลาดอยู่ตรงไหน แต่ละตลาดภายในเขาขายของอะไร แตกต่างกันไหม คือผมเดินสำรวจทั้งสี่ตลาดที่กล่าวมาข้างต้น เข้าตลาดนวรัฐ ข้ามมาตลาดวโรรส เดินลัดเลาะไปมาอยู่ภายใน แล้วก็ออกมาเดินตามถนนด้านหน้าตลาดวโรรสจนสุดตึก ถ้าต่อไปอีกนิดก็จะไปเจอถนนท่าแพ ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปสะพานนวรัฐ แต่ถ้าข้ามถนนท่าแพก็จะเข้าสู่ถนนช้างคลาน...จุดเริ่มต้นไนท์บาร์ซ่าส์เชียงใหม่

     พอจะนึกภาพออกใช่ไหมฮะ!!!

     จากตลาดวโรรสผมก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าไปตลาดต้นลำไยเป็นลำดับต่อไป ต้องบอกก่อนว่าถนนที่คั่นตลาดวโรรสกับตลาดต้นลำไย คือถนนวิชชยานนท์ 

     ผมเดินเข้าไปในตลาดต้นลำไย เดินทะลุเข้าไปข้างใน ของที่ขายก็มีทั้งของแห้ง เดินเข้าไปอีกก็จะเป็นตลาดสดขายสารพัดทั้งผัก หมู เป็ด ไก่ ปลาเหมือนตลาดสดทั่วไป เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆก็จะมาโผล่ที่อีกฝากของถนนซึ่งเป็นบริเวณตลาดดอกไม้

     ผมเดินทั้งรอบนอกตลาดเป็นวงกว้าง เดินภายในตลาด เดินจนหมดเแรงและหิวข้าว ก็เลยต้องแวะเพิ่มพลังหาของกินทีตลาดสักหน่อย...เดี๋ยวลุยต่อ

     ที่จริงสามตลาดที่ยิ่งใหญ่บริเิวณนี้มีประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว มันเป็นตลาดที่มีชีวิต มีจุดกำเนิด มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนชีวิตคนๆหนึ่ง ถ้าใครจะมาตลาดวโรรสคราวหน้าก็หาข้อมูลสักนิด แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่สถานที่ซื้อของฝากกลับไปให้เพื่อนฝูงหรือญาติสนิท

     ผมซัดก๋วยเตี้ยวไปสองถ้วย...อิ่มท้องตึง ได้เวลาตะลอนทัวร์กันต่อ

     ผมข้ามแม่น้ำปิงมาฝั่งวัดเกตุการาม ซึ่งอยุ่บนถนนเจิรญราษฎร์ โดยใช้สะพานจันทร์สม อดีตสะพานข้ามแม่น้ำปิงแห่งแรกของเชียงใหม่ ช่วงที่เดินบนสะพานเพื่อมุ่งหน้าไปวัดเกตุการาม โปรดสังเกตุว่าเจดีย์วัดเกตุฯไม่ตรงนะครับ เอียงเล็กน้อย...เอียงแบบตั้งใจ ไมใช่แกนโลกเอียงเด้อเพ่น้อง!

     ครั้งแรกในชีวิตกับวัดเกตุฯ ผมเดินสำรวจโดยรอบ ทั้งถ่ายรูป ทั้งเดินเข้าชมภายในตัววิหารและพิพัณฑ์พื้นบ้านวัดเกตุฯ ใช้เวลาไปพอสมควร ....ไปต่อดีกว่าเรา

     เป้าหมายวันนี้ยังไม่จบสิ้น ยังเหลืออีกที่นั้นคือวัดเจดีย์หลวง!!!

     จากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิงผมเลือกใช้ "สองเท้า"นี่แหละครับ...เป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปวัดเจดีย์หลวง

     ผมข้ามแม่น้ำปิงกลับมาโดยข้ามสะพานจันทร์สม เดินผ่านหน้าตลาดดอกไม้มาเรื่อยๆ ผ่านพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์เชียงใหม่ ตัดสินใจเลี้ยวขวาถนนข้างๆพิพิธภัณฑ์ก็มาโผล่ที่ถนนวิชชยานนท์ เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดฮะ ก็จะผ่านหจก.อนุสารเชียงใหม่ที่มีสารพัดกิจการ ทั้งตลาดวโรรส ตลาดต้นลำไย ตลาดคำเที่ยง ตลาดอนุสาร โรงแรมอมารีรินคำ เชียงใหม่ โรงแรมริมกก เชียงราย รวมทั้งศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ อาณาจักรทั้งหมดนี้เป็นของตระกูล "ชุติมา - นิมมานเหมินทร์"

     ผมเดินตลอดถนนท่าแพ ข้ามประตูเมือง มาถึงถนนราชดำเนิน...ในทีุ่สดก็ถึงครับพี่น้อง "วัดเจดีย์หลวง" เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้

  (ด้านบนเป็นของวัดสวนดอก ส่วนรูปล่างเป็นของวัดเจดีย์หลวง)

     ผมมาที่วัดไม่ได้มาเที่ยวนะฮะ แวะมาติดต่อพระอาจารย์ที่มุม "Monk Chat" เพราะผมต้องพาคณะครูและนักเรียนมาเข้าโปรแกรมนี้ในช่วงบ่ายวันที่ 17 กันยายน 2554
     ติดต่อและพูดคุยในรายละเอียดกับพระอาจารย์ต้นพร้อมกับได้เบอร์มือถือเป็นที่เรียบร้อย เป็นอันว่าภาระกิจวันนี้ที่วางเอาไว้ สำเร็จลุล่วงทุกประการจริงๆ

     ต้องบอกก่อนว่าสถานที่แรกที่อยู่ในเป้าหมายคือวัดสวนดอก แต่ที่วัดสวนดอกมีโปรแกรมMonk Chatเฉพาะวันจันทร์ - พุธ - ศุกร์ เท่านั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้บริการที่วัดเจดีย์หลวงแทนเพราะว่าสะดวกว่าและมีทุกวันจนถึงหกโมงเย็น ส่วนค่าบริการก็ไ่ม่มีครับ เปลี่ยนเป็นการทำบุญแทน

     Monk Chat คืออะไร แปลง่ายๆก็คือการไปนั่งสนทนา พูดคุยกับพระนั้นเอง โดยพระจะพูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวต่างชาติที่ไม่มีความเข้าใจหรือต้องการความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระ สามารถแวะมาพูดคุยได้ สอบถามได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพระ วัตรปฏิบัติและธรรมวินัย

     หนทางอีกยาวไกล ฝนก็เริ่มจะตกลงมาเรื่อยๆ....
   
     ผมจะต้องเดินอีกยาวไกลจากวัดเจดีย์หลวงกว่าจะกลับถึงโรงแรมเดอะปาร์ค

     แล้วเจอกันใหม่...ในตอนต่อไป ภาระกิจยังไม่จบครับพี่น้อง!!!
























การเดินทางครั้งล่าสุด "เชียงใหม่ 1"



วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 
ณ บ้านพักตากอากาศชายขอบกรุงเทพด้านตะวันออก 

    เสร็จงานมาก็หลายวันแล้ว ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเขียนบันทึกช่วยจำสำหรับงานที่เพิ่งเสร็จลงไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

     งานชุดที่เพิ่งทำเสร็จลงไปเป็นกรุ๊ปนักเรียน Holy Spirit College , Mackay จากประเทศออสเตรเลีย แน่นอนต้องมาจากเอเย่นต์เจ้าประจำนั้นคือ Travel Indochina

     อันที่จริงงานชุดนี้เริ่มวันที่ 16 กันยายน แต่ผมขออนุญาตเจ้านายคือ"พี่สุวรรณี" ขึ้นมาเชียงใหม่ล่วงหน้าสองวันก่อนกรุ๊ปจะเข้า ปกติแล้วเนี่ยโปรแกรมอย่างนี้จะใช้ไกด์สองคนคือ คนหนึ่งทำส่วนของทริปทางเหนือ อีกคนรับไม้ต่อทำส่วนของกรุงเทพและปริมณฑล แต่ทางเอเย่นต์เมืองนอกต้องการใช้ไกด์คนเดียวทำตลอดทั้งทริป หวยชุดนี้ก็เลยตกมาที่ผม!!

     ก่อนถึงวันเดินทางที่ผมต้องนั่งเครื่องบินไปเชียงใหม่ล่วงหน้าสองวัน ผมได้ให้น้องชายจองตั๋วเครื่องบินผ่านทางเว็บและจ่ายเงินผ่านทางบัตรเครดิตเป็นที่เรียบร้อย โดยพิจารณาจากโปรโมชั่นของหลายสายการบินสุดท้ายตัดสินใจใช้บริการของ"บางกอกแอร์เวย์"

     พอได้เที่ยวบินเป็นที่เรียบร้อยผมก็แจ้งไปทางเจ้านายร้บทราบ ทางบริษัทก็ใจดีจองโรงแรมเดอะปาร์คให้สองคืน แต่กรุ๊ปเข้าเช๊คอินที่โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า

     น่าเศร้าใจ!!!
     ทางโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า"ไม่มี"ห้องราคาไกด์ นั้นหมายความว่าถึงแม้จะมีกรุ๊ปเข้ามาทางบริษัทก็ต้องจ่ายค่าห้องผมเท่ากับห้องพักของแขก และนี้คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องไปนอนที่เดอะปาร์ค
   
     แน่นอนเมื่อกรุ๊ปเข้ามา ผมก็จะย้ายไปนอนที่โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า

     ทุกอย่างเตรียมการไว้เรียบร้อย ผมพร้อมเดินทาง!!!

     เช้าวันที่ 14 กันยายน ผมให้แท๊กซี่มารับที่บ้านเพื่อไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ

     ใช้เวลาไม่นานจากบ้านผมก็มาถึงสนามบิน ผมรีบเดินไปเช๊คอินที่เคาท์เตอร์ของ"บางกอกแอร์เวย์" สำหรับเที่ยวบิน PG 215 08.05 บอกชื่อและนามสกุลเรียบร้อย

     แต่จนท.พูดว่า "ผมขอนุญาตดูบัตรเครดิตหน่อยครับ"
     ผมนึกในใจ "ฉิบหายแล้ว" แล้วก็ตอบไปว่า "ผมจองและจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิจของน้องชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"
     เจ้าหน้าที่ "มันเป็นเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในเว็บครับ ผู้จองต้องแสดงบัตรเครดิตเวลาเช๊คอิน"
     ผม "ผมไม่มีครับ ต้องทำยังไง"

     สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกที่นั่งผมสำหรับเที่ยวบินนั้น แต่จนท.บอกว่า "ผมสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ได้ โดยบินเที่ยวบินเดิมราคาเดิมตามโปรโมชั่น แต่ต้องจ่ายเป็นเงินสดแทน ส่วนเงินที่จ่ายผ่านบ้ตรเครดิตไปทางสายการบินจะทำเรื่องยกเลิกและสามารถขอเงินคืนจากทางบ้ตรเครดิตได้"

     สิ้นคำพูดสุดท้ายของจนท.บางกอกแอร์เวย์ ผมรีบเดินไปที่ตู้เอทีเอ็มที่อยู่ใกล้ที่สุด ถอนเงินเรียบร้อยแล้วรีบกลับมาซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่!!

     พนง.บางกอกแอร์เวย์ที่ออกตั๋วก็ให้เอกสารที่ทำเรื่องยกเลิกเงินที่จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้ผมพร้อมกับตั๋วเครื่องบิน

     ทุกอย่างเรียบร้อย ผมเดินกลับเข้ามาเช๊คอินอีกรอบกับจนท.คนเดิม คราวนี้ไม่มีปัญหาครับ ได้Boarding Passกำไว้ในมือ ได้บินไปเชียงใหม่แน่ๆแล้วเรา

     ช่วงรอขึ้นเครื่อง ผมก็มานั่งทานกาแฟและของว่างที่เลาจน์ของสายการบิน เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกขึ้นเครื่องบิน นั้นหมายความว่าอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าผมจะไปปรากฏตัวอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่อีกครั้ง

     ดีใจจริงๆครับ ที่ได้กลับมาเชียงใหม่อีกรอบ หลังจากที่ห่างหายไปนานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมปีเดียวกัน มีหลายสิ่งที่ต้องทำและมีสิ่งที่ต้องค้นหาหลังจากที่ค้างคาไปตั้งแต่เดือนมกราคม

     จากสนามบินเชียงใหม่ ผมนั่งรถสองแถวสีแดงไปยังโรงแรมเดอะปาร์คที่จองเอาไว้ รถมาส่งผมถึงจุดหมายและผมก็จ่ายค่าโดยสารไป 50 บาท

     เข้าเช๊คอิน รื้อกระเป๋า เตรียมเอกสาร เตรียมอุปกรณ์และนั่งนึกในใจคร่าวๆว่าวันนี้เราต้องทำอะไรและพรุ่งนี้ต้องทำอะไร อย่าลืมนะครับว่าผมมีเวลาเตรียมงานแค่สองวันเท่านั้น

     ได้ข้อสรุปคร่าวดังนี้ครับคือวันนี้ต้องไปเดินสำรวจตลาดวโรรส ตลาดนวรัฐ ตลาดต้นลำไย ตลาดดอกไม้ ซึ่งมันก็อยู่ในที่เดียวกันทั้งหมด หลังจากนั้นค่อยข้ามแม่น้ำปิงไปสำรวจวัดเกตุการาม ต่อด้วยวัดเจดีย์หลวงเพื่อติดต่อเรื่องMonk Chat

     สำหรับอีกวันที่เหลือ จะเดินทางไปวัดสวนดอกเพื่อสานฝันให้สมบูรณ์นั้นคือตามหากู่เจ้าน้อยศุขเกษมและแม่นางมะเมี้ยะ จิบกาแฟแถวนิมมานเหมินทร์และดูร้านอาหารเพื่อเตรียมที่จะพาคณะนักเรียนมาทานอาหารกลางวัน    

     ติดตามตอนต่อไป....