เหตุเกิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ...


วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ....เขียนที่บ้าน

ห่างหายไปนานเป็นแรมปีที่ไม่ได้เข้ามาเขียนblogบอกเล่าเรื่องราว ระบายความรู้สึก และแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่ไปประสบพบเจอมา
นี้เป็นการกลับมาอีกครั้งหลังจากที่วันนี้ไปได้ไปประสบพบเจอฝรั่งคนหนึ่งเ้ข้า เรื่องราวมันมีอยู่ว่า..

วันนี้มีงานต้องไปรับแขกฝรั่ง 1 คู่ที่สนามบินสุวรรณภูิมิ...TG 476 16.14 เครื่องลงเรียบร้อย เราก็ยื่นเอกสารเพื่อไปยืนรับแขก ณ จุดที่เขากำหนดให้ไกด์ไปยืนถือป้ายรอรับฝรั่ง เขาประจำทีพร้อมป้ายเอเย่นต์และชื่อแขกที่ห้อยลงมา ทันใดนั้นก็มีฝรั่งผู้ชายนายหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเข้ามาหา..พร้อมแสดงตัวว่าบุคคลสองคนที่เรามารับเป็นพ่อกับแม่ของเขา

ผมก็ถามเขา " คุณพักที่โรงแรมเดียวกับพ่อและแม่ของคุณใช่ไหมครับ? "
ฝรั่งตอบ " ใช่ครับ ผมพักทีเดียวกับท่านทั้งสอง "
ฝรั่ง " ผมขอติดรถเข้าไปที่โรงแรมด้วยได้ไหมครับ?"
ผม " ไม่ได้ครับ "
ฝรั่ง " ผมจ่ายค่ารถให้ 100 บาท "
ผม " ไม่ได้ครับ นี้เป็นนโยบายบริษัท "

จบการสนทนาบทนี้เขาก็เดินจากไป...ออกไปยื่นคอยพ่อกับแม่ของเขาในจุดที่ผมมองเห็นได้ แต่ถ้าจะคุยกันคงต้องตะโกนกันเสียงดังพอสมควร
อีกสักครู่ฝรั่งนายคนนี้ก็เดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการสนทนากับผมเป็นครั้งที่สอง

ฝรั่ง " คุณมีรถมารับพ่อกับแม่ของผมนิ มันมีที่นั่งไม่พอสำหรับผมเหรอ ? "
ผม " รถมีทั้ิงหมดสี่ที่นั่ง คนขับหนึ่ง ผมหนึ่ง และพ่อกับแม่คุณสองครบพอดีสี่คน "
ฝรั่ง " ผมจ่ายให้อีก 100 หนึ่งขอติดรถไปโรงแรมกับพ่อแม่ด้วย "
ผม " ไม่ได้ครับ มันเป็นนโยบายบริษัท "
ฝรั่ง " นโยบายอะไร ผมก็อยู่เมืองไทย ไม่มีนโยบายอะไรทั้งนั้น ผมจ่ายให้ร้อยหนึ่ง "

เมื่อได้ยินดังนี้..หัวใจเต็นแรงขึ้น ถี่ขึ้น จนแทบจะกระเด็นออกมาจากหน้าอกเลยทีเดียว รีบพูดสวนกลับไปทันที
ผม" คุณ..หยุดพูดเรื่องเงิน 100 บาทได้แล้ว มันไม่เกี่ยวกับเงิน "
ฝรั่ง " งั้นคุณไม่ต้องรอพ่อกับแม่ผมแล้ว เดี๋ยวผมจะพานั่งแท๊กซี่ไปโรงแรมเอง "
ผม " ไม่เป็นไร ผมจะอยู่รอ ผมมีอะไรที่จะต้องแจ้งให้ทราบ "

จบการสนทนารอบนี้แบบห้วนๆและค่อนข้างมีอารมณ์ เพราะฝรั่งนายคนนี้พูดประหนึ่งว่าเงินร้อยบาทสามารถซื้ออะไรก็ได้ อีกอย่างมันแสดงออกถึงการดูถูกสำนึกความเป็นคนไทยกับการโยนเงินมา 100 บาทแล้วทุกคนต้องรีบตะครุบไว้ มึงมาพูดผิดคนสะแล้ว..ในใจตอนนั้นแทบอยากจะด่าออกไป " FUCK OFF " แต่ติดที่ว่ากรูมารับพ่อกับแม่ของมึง แต่ด้วยท่าทางและน้ำเสียงของผมตอนนั้นคงทำให้
ฝรั่งนายนั้นรุ้ว่าผมไม่พอใจมากแล้ว

รอสักครู่ใหญ่ฝรั่งสองคนที่ผมมารับที่สนามบินก็เดินออกมา เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ลูกก็ต้องแสดงความดีใจที่ได้พบเจอกัน แน่นอนผมก็ต้องเดินเข้าไปแนะนำตัวเองให้เขารู้จัก เหมือนที่คาดไว้ฝรั่งรายนั้นรายงานหรือฟ้องพ่อแม่ทันทีเรื่องที่ผมไม่ยอมให้ติดรถไปด้วย..PUSSY

พ่อเขาก็ถาม "ทำไมลูกชายเขาไปด้วยไม่ได้ เขายินดีจ่ายเงินเพิ่มให้คุณ"
ผม " ถ้าผมมารับคุณในฐานะเพื่อน ไม่มีปัญหาสามารถไปด้วยกันได้ แต่นี้ผมมารับคุณตามงานที่ได้รับมอบหมาย อีกอย่างTransferนี้เป็นส่วนหนึ่งของPackageที่คุณจ่ายมาทางTravel indochina ไม่ใช่ผม "

จบการอธิบายเรา รวมทั้งแขกสองคนและลูกชายก็เดินลงมาชั้นหนึ่งเพื่อรอขึ้นรถเดินทางไปโรงแรมต่อไป ตัวลูกชายแยกออกไปขึ้นแท๊กซี่ ส่วนแขกทั้งสองคนมากับผมเพราะนี้คือสิ่งที่เขาซื้อมากเอเย่นต์

ระหว่างรอรถมารับและเดินทางไปรร.ผมก็มีการพูดคุยทักทายตามปกติ ทบทวนและบอกโปรแกรมที่จะต้องทำอย่างคร่าว พร้อมทั้งนัดหมายเวลาที่จะต้องเจอกันเพื่อทำทัวร์ในวันอังคาร

ผมก็ถาม " หลัีงจากเชียงใหม่แล้วเดินทางไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ?"
ฝรั่งที่เป็นพ่อ " เราจะไปลำปาง ลูกชายมีบ้านอยู่ที่นั้น "
ผม " แล้วไปพักกี่วันล่ะ อาทิตย์หนึ่ง ? "
ฝรั่ง " ไม่นานขนาดนั้น แค่สองวันเอง แล้วก็เดินทางกลับออสเตรเลีย "

จากการสนทนาครั้งนี้ทำให้ทราบว่าฝรั่งตัวลูกชายคนนี้อยุ่ที่ลำปาง...และก็นึกย้อนไปถึงคำพูดของเขาทำให้เข้าใจขึ้นมานิดหนึ่งถึงสาเหตุที่เขาแสดงกริยาออกมาทางคำพูดเช่นนั้น.....This is Bangkok not Lampang!

บทสรุปนี้คือคำวินิจฉัยส่วนตัว:
ฝรั่งคนนี้ถือเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ได้ระบุในเอกสารและใบงาน ผมไม่สามารถจะอนุญาติให้ติดรถมาได้ อนึ่งต้องคำนึงว่าถ้าระหว่างทางเกิดประสบอุบติเหตุหรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ส่ิงนี้ผมไม่สามารถรับผิดชอบได้และอาจมีผลเกี่ยวเนื่องถึงประกัน

อีกประการหนึ่งนี่คือหลักการที่ผมยึดถือปฏิบัติ ถ้าวันนี้ผมละเมิดหลักการเบื้องต้น ครั้งต่อไปถ้ามีเหตุที่ฝรั่งนายคนนี้เรียกร้องอีกจะแก้ไขยังไงเพราะถ้าเริ่มนับหนึ่งก็ต้องมีสอง....อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ ใช้ปัจจุบันป้องกันไว้ดีกว่า

อีกประการเรื่องเงิน 100 บาท ในเรื่องที่เล่าอาจจะไม่สามารถเขียนบรรยายระบายความรุ้สึก ณ วินาทีนั้นได้ถึงคำพูด น้ำเสียงและกริยาที่เขากระทำ แต่ก็ยังยันว่าเงินไม่ใช่ประเด็น...

นี่แหละครับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้...have a nice evening