เก็บมาเล่า..สอยมาฝาก ตอนส่วนหนึ่งจาก"35ปี ความสัมพันธ์ทางการฑูต ไทย-จีน"
"พระบรมวงศานุวงศ์กับความสัมพันธ์ไทย-จีน"
1.พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี เสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 16 -31 ตุลาคม พ.ศ.2543
2.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 4 ครั้ง คือปีพ.ศ. 2530 , 2531, 2535 และ2541
1.พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี เสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 16 -31 ตุลาคม พ.ศ.2543
2.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 4 ครั้ง คือปีพ.ศ. 2530 , 2531, 2535 และ2541
3.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเยือนจีนแล้ว 32 ครั้ง และบางปีเสด็จเยือนมากกว่าหนึ่งครั้งคือ ปีพ.ศ.2524 2533 2534 2535 2537 2538 2539 2540 2542 2543 2544 2545 2546 2547 2548 2549 2552 และ2553
4.สมเด็จฯเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฯ เสด็จเยือนจีน 12 ครั้ง นอกจากเสด็จเยี่ยมชมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของจีนแล้ว ยังได้ทรงเครื่องดนตรีจีน"กู่เจิง"ในการแสดงดนตรีหลายครั้ง
5.สมเด็จฯเจ้ากัลยานิวัฒนาฯ ได้เสด็จเยือนจีน 7 ครั้ง
4.สมเด็จฯเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฯ เสด็จเยือนจีน 12 ครั้ง นอกจากเสด็จเยี่ยมชมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของจีนแล้ว ยังได้ทรงเครื่องดนตรีจีน"กู่เจิง"ในการแสดงดนตรีหลายครั้ง
5.สมเด็จฯเจ้ากัลยานิวัฒนาฯ ได้เสด็จเยือนจีน 7 ครั้ง
สมเด็จฯพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นที่รู้จักในพระนามจีนว่า"ซือหลินทงกงจู่" แปลว่า "เจ้าหญิงแห่งบทกวีและหยกงามผู้ปราดเปรื่อง" เป็นราชวงศ์จากมิตรประเทศของจีนพระองค์แรกที่เสด็จเยือนครบทุกมณฑลของจีน
พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือเกี่ยวกับจีน 11 เ
พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือเกี่ยวกับจีน 11 เ
ล่ม นอกจากนี้ยังทรงพระราชนิพนธ์แปลบทกวีจีน แปลนิยายจีนขนาดกลางอีก 2 เล่มคือผีเืสือและเมฆหินน้ำไหล
พระราชนิพนธ์ของสมเด็จฯพระเทพ เกี่ยวกับการเยือนจีนยังได้รับการแปลเป็นภาษาจีนอีก 3 เล่มคือ ย่ำแดนมังกร มุ่งไกลในรอยทราย และเกล็ดหิมะในสายหมอก
ปล.สถานเอกอัครราชฑูตจีน ประจำประเทศไทยจัดถวายพระอาจาย์ชาวจีนเพื่อจะได้ทรงศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง
พระราชนิพนธ์ของสมเด็จฯพระเทพ เกี่ยวกับการเยือนจีนยังได้รับการแปลเป็นภาษาจีนอีก 3 เล่มคือ ย่ำแดนมังกร มุ่งไกลในรอยทราย และเกล็ดหิมะในสายหมอก
ปล.สถานเอกอัครราชฑูตจีน ประจำประเทศไทยจัดถวายพระอาจาย์ชาวจีนเพื่อจะได้ทรงศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง
..............................
ปีพ.ศ. 2531 กองทัพเรือได้สั่งต่อเรือฟรีเกต รุ่นเจียงหู จากบริษัท Hu Dong Shipyard ในเซี่ยงไฮ้ เป็นเรือลาดตระเวณ จำนวน 4 ลำ
จีนได้ส่งมองเรือฟรีเกตทั้ง 4 ลำให้กับกองทัพเรือไทยในช่วงปี พ.ศ.2534 - 2535 และถูกนำเข้าประจำการในชื่อ "เรือหลวงเจ้า
จีนได้ส่งมองเรือฟรีเกตทั้ง 4 ลำให้กับกองทัพเรือไทยในช่วงปี พ.ศ.2534 - 2535 และถูกนำเข้าประจำการในชื่อ "เรือหลวงเจ้า
พระยา เรือหลวงบางปะกง เรือหลวงกระบุรี และเรือหลวงสายบุรี"
ต่อมาในปี พ.ศ.2533 กองทัพเรือไทยได้สั่งต่อเรือฟรีเกตจากจีนเพิ่มอีก 2 ลำ คือเรือหลวงนเรศวรและเรือหลวงตากสิน
ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2545 ได้สั่งต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง จำนวน 2 ลำ จากบริษัท China Shipbuilding โดยจีนส่งมอบเรือลำแรกคือเรือหลวงปัตตานี ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2548 และลำที่สองคือเรือหลวงนราธิวาส ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2549
ต่อมาในปี พ.ศ.2533 กองทัพเรือไทยได้สั่งต่อเรือฟรีเกตจากจีนเพิ่มอีก 2 ลำ คือเรือหลวงนเรศวรและเรือหลวงตากสิน
ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2545 ได้สั่งต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง จำนวน 2 ลำ จากบริษัท China Shipbuilding โดยจีนส่งมอบเรือลำแรกคือเรือหลวงปัตตานี ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2548 และลำที่สองคือเรือหลวงนราธิวาส ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2549
ขอบคุณ
หนังสือ "35ปี ความสัมพันธ์ทางการฑูต ไทย-จีน"
เขียนโดย จุลชีพ ขินวรรโณ
สำนักพิมพ์ OPENBOOKS
พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2553
พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น