อาณาจักรล้านนายุค"เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" เคยเข้าใจและคิดว่าหมายถึงเฉพาะที่เมืองเชียงใหม่ที่เดี่ยว แต่พอมาอ่านหนังสือก็ทำให้เข้าใจว่า ล้านนายุคคนั้นแทบจะร้างทั้งอาณาจักรจริงๆ ต้องเกณฑ์คน ต้องโยกย้ายผู้คนจากเมืองอื่นๆเข้ามาเพื่อสร้างบ้านฟื้นฟูเมือง
คำพูดที่ว่า "กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย" น่าจะเปรียบได้กับกรณีนี้คิอ "เชียงใหม่ก็น่าจะไม่ใช่อาณาจักรล้านนา"เช่นกัน ไม่รู้มันเกี่ยวกันได้อย่างไร แต่สำหรับผมมันให้อารมณ์คล้ายๆกัน!
เหตุการณ์กอบกู้เอกราชคืนจากพม่าได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2314 /ค.ศ.1771 (สี่ปีหลังกรุงศรีอยุธยาแตก) พญาจ่าบ้าบุญมา ขุนนางที่เชียงใหม่กับพระยากาวิละ ลูกเจ้าฟ้าเมืองลำปาง ได้ร่วมมือกันต่อสู้กับพม่าโดยเข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ากรุงธนบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือให้ยกกองทัพไปช่วยขับไล่พม่าออกจากแผ่นดินล้านนา ครั้งนั้นพม่ายึดครองเมืองเชียงใหม่อยู่
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพร้อมด้วยพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ ยกกองทัพหลวงขึ้นมาทางเมืองนครลำปางและเข้าตีเมืองเชียงใหม่ได้ใน พ.ศ.2317 /ค.ศ.1774 หลังจากนั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้พระราชทานแต่งตั้ง"พระยาจ่าบ้านบุญมาเป็น...เจ้ามืองเชียงใหม่"และให้ "พระยากาวิละเป็น...เจ้ามืองนครลำปาง"
กองทัพพม่าที่แตกหนีจากเมืองเชียงใหม่ไปได้เพียงหนึ่งเดือนก็ยกรี้พลจำนวนมากมาล้อมเมืองเชียงใหม่อีกในปี พ.ศ.2318 /ค.ศ.1775 ขณะนั้นไพร่พลของเมืองเชียงใหม่มีจำนวนน้อย ได้กำลังจากนครลำปางส่วนหนึ่งมาช่วยสู้รบกับพม่า
พม่าล้อมเมืองเชียงใหม่อยู่ 8 เดือนจนเสบียงหมด พอดีกองทัพไทยมาถึงช่วยตีทัพพม่าจนแต่พ่ายไป ครั้งนั้นเมืองเชียงใหม่ที่เคยเจริญุร่งเรืองก็ถึงกาลเสื่อมโทรมสุดขีด พลเมืองแตกฉานหนีไปอยู่ที่อื่น พระยาจ่าบ้านได้ "ทิ้งเมืองเชียงใหม่" ไปอยู่ "เมืองนครลำปาง" ระยะหนึ่งแล้วกลับมาตั้งอยู่ที่ตำบลวังพร้าว
ดังนั้นเมืองเชียงใหม่จึงกลายเป็นเมืองร้างไปเป็นเวลานานถึง 21 ปี (ค.ศ.1775-1796)
ขณะเดียวกันบ้นเมืองต่างๆของล้านนาในขณะนั้นก็มีสภาพไม่ต่างไปจากเมืองเชียงใหม่ เช่น
1.นครลำปาง ขณะที่พระยากาวิละเป็นเจ้าเมือง ในพ.ศ.2318 /ค.ศ.1775 พม่ายกกองทัพมาตีนครลำปาง ไพร่พลเมืองนครลำปางมีน้อยไม่อาจต้านทานได้ ก็ทิ้งเมืองพากันหนีไปอยู่สวรรรคโลกเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึงกลับมาฟื้นฟูเมืองใหม่
2.เมืองลำพูน ในขณะที่เมืองเชียงใหม่ถูกปล่อยทิ้งร้างเนื่องจากไม่มีไพร่พลและเสบียงเพียงพอที่จะรักษาเมืองไว้ได้ พระยาจ่าบ้าน เจ้าเมืองเชียงใหม่ได้อพยพมาอยู่ในเมืองลำพูน ต่อมา พ.ศ.2322 /ค.ศ.1779 กองทัพพม่าจากเมืองเชียงแสนและเชียงรายได้มาตีเมืองลำพูนแต่ พระยาจ่าบ้านจึงทิ้งเมืองทำให้เมืองลำพูนกลายเป็นเมืองร้าง
3.เมืองน่าน ในพ.ศ.2321 /ค.ศ.1778 กองทัพพม่าจากเชียงแสนได้ไปตีเมืองน่านและกวาดต้อนผู้คนจากเมืองน่านไปไว้ที่เชียงแสน จึงทำให้เมืองน่านร้างไปเป็นเวลาถึง 23 ปี
4.เมืองพะเยา ในพ.ศ.2330 /ค.ศ.1787 พม่ายกกองทัพใหญ่มาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือต่างๆ เช่น เมืองฝาง เชียงราย เชียงแสนและพะเยา ทำให้ประชาชนเจ้าเมืองต่างๆเหล่านั้นตกใจแตกตื่นพากันอพยพครอบครัวหนีไปอยู่ที่อื่น โดยเฉพาะชาวเมืองพะเยาได้อพยพไปอยู่เมืองนครลำปางจึงทำให้เมืองพะเยากลายเป็นเมืองร้างถึง 56 ปี
5.เมืองเชียงรายและเชียงแสน ในขณะที่พม่าใช้เมืองเชียงแสนเป็นฐานกำลังในการยกทัพไปตีเมืองต่างๆ ดังนั้น ในพ.ศ.2347 /ค.ศ.1804 พระเจ้ากาวิละเจ้าเมืองเชียงใหม่จึงได้ยกกองทัพไปตีเมืองเชียงแสนได้สำเร็จ ได้เผาทำลายเมืองเพื่อมิให้เป็นที่ซ่องสุมไพร่พลของพม่าอีกต่อไป และได้กวาดต้อนครัวเรือนพลเมืองของเมืองเชียงแสน ตลอดจนหัวเมืองระยะทางต่างๆ รวมทั้งเชียงรายไปไว้ยังเมืองอื่นๆ ของล้านนา เช่น เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ น่าน และส่งไปให้กรุงเทพฯอีกด้วย ดังนันเมืองเชียงแสนและเชียงรายจึงร้างเป็นเวลานาน
ต่อมาเมื่อบ้านเมืองเริ่มสงบเรียบร้อย การฟื้นฟูบ้านเมืองจึงได่้เริ่มเกิดขึ้นโดยมีเมืองเชียงใหม่เป็นจุดเริ่มต้น ในการฟื้นฟูเชียงใหม่เริ่มต้นในปี พ.ศ.2339 /ค.ศ.1796 เมื่อพระยากาวิละได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่1 ให้เป็นเจ้าเมืองเชียงใหมแล้ว ก็แบ่งไพร่พลจากเมืองนครลำปางมาเป็นกำลังสำคัญในการบูรณะฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่แต่กำลังมีไม่เพียงพอ
ดังนั้น พระยากาวิละจึงได้รวบรวมไพร่พลเข้ามาเป็นพลเมืองของเชียงใหม่ โดยกวาดต้อนพลเมืองจำนวนหนึ่งที่หลบหนีอยู่ตามป่าเขาให้กลับเข้าสู่เมืองและยกกองทัพไปตีบ้านเมืองต่างๆในแคว้นสิบสองปันนาและบ้านเมืองในแถบลุ่มแม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นชนหลายเผ่าพันธุ์ เช่น ไทยใหญ่ ลื้อ เขิน ยางและอื่นๆ เข้ามาเป็นพลเมืองของเชียงใหม่
ซึงเหตุการณ์ของการฟืนฟูเมืองเชียงใหม่ครั้งนี้เป็นยุคที่เรียกว่า "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง"
ส่วนเมืองอืนๆก็ได้ร้บการฟื้นฟูในเวลาต่อมาตามลำดับ เช่น
1.เมืองน่าน ในพ.ศ.2331 /ค.ศ.1788 รัชกาลที่1 ทรงโปรดให้ "เจ้าอัตถวรปัญโญ" เป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน ขณะนั้นน่านยังรกร้างว่างเปล่า เจ้าอัตถวรปัญโญจึงนำครอบครัวชาวน่านและชาวเทิงตั้งอยู่ที่ "บ้านถึด" ในเขตเมืองน่าน จนถึงปี พ.ศ.2343 /ค.ศ.1800 จึงได้ย้ายมาอยู่เมืองน่านเก่าคือที่ตั้งเมืองน่านในปัจจุบัน
2.เมืองลำพูน ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ใน พ.ศ.2348 /ค.ศ.1805 โดยพระยากาวิละเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ "เจ้ารัตนราชวังหลัง" เป็นเจ้าเมือง นำบริเวารไพร่พลจากเมืองเชียงใหม่และจากเมืองนครลำปางพร้อมผู้คนพลเมืองที่กวาดต้อนมาจาก"เมืองยอง"ให้มาตั้งบ้านเรือนในเมืองลำพูน
3.เมืองเชียงราย ได้รับการฟื้นฟูในปี พ.ศ.2386 /ค.ศ.1843 โดยครั้งนั้น"เจ้ามโหตรประเทศ" เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๕ ได้มอบหมายให้ "เจ้าธรรมลังกา"เป็นเจ้าเมืองเชียงราย นำไพร่พลซึ่งประกอบไปด้วยชาวไทยใหญ่ ไทยเขินจากเมืองเชียงตุง เมืองพยาก เมืองเลย และเมืองสาด จำนวนพันครอบครัวเศษไปตั้งถิ่นฐานฟื้นฟูเมืองเชียงราย
4.เมืองพะเยา ได้รับการฟื้นฟูในช่วงเวลาเดียวกับเมืองเชียงรายคือปี พ.ศ.2386 /ค.ศ.1843 รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้"นายพุทธวงศ์" น้องคนที่หนึ่งของพระยานครลำปางน้อยอินทร์ เป็น"ที่พระยาประเทศอุดรทิศ" เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา และให้แบ่งครอบครัวชาวเมืองนครลำปางส่วนหนึ่งกับลูกหลานของขาวเมืองพะเยาที่อพยพหนีทัพพม่าไปอยู่เมืองนครลำปางเมื่อ 56 ปีที่ผ่านมา ให้กลับไปตั้งถิ่นฐานฟื้นฟูเมืองพะเยา
5.เมืองเชียงแสน ได้รับการจัดตั้งให้เป็นเมืองอีกครั้งในปี พ.ศ.2417 /ค.ศ.1874 โดยรัชกาลที่ 5 โปรดให้"เจ้าอินทวิไชย"บุตรของเจ้าบุญมาเจ้าผู้ครองนครลำพูน เป็น"พระยาราชเดชดำรง"เจ้าเมืองเชียงแสน ให้นำราษฏรชาวเมืองลำพูนและเชียงใหม่ประมาณ 1,500 ครอบครัวไปตั้งถิ่นฐานในเมืองเชียงแสน
ช่วงเวลาที่เมืองเชียงใหม่ร้างเป็นเวลาถึง 21 ปี ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ได้พรรณาถึงสภาพของเมืองเชียงใหม่ในเวลานั้นว่า
"เสื่อมโทรมยิ่งนัก ภายในเมืองมีต้นไม้ ป่าหญ้า เถาวัลย์ ขึ้นปกคลุม เป็นที่อยู่อาศัยอขงสัตว์ใหญ่น้อยทั้งหลาย เป็นต้นว่า เสือ หมี แร่ด ช้าง กระทิง กวาง และอื่นๆ วัดวาอาราม โบสถ์ วิหาร เจดีย์ในบวรพระพุทธศาสนา ตลอดจนรั้วเวียงวังทั้งหลายเสียหายพังทลายเป็นอันมาก..."
นี้ละครับคือ"เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง"ของอาณาจักรล้านนา มิใช่ที่เชียงใหม่เพียงที่เดียว แต่น่าจะทั้งอาณาจักรล้านนาเลยทีเดียว
หมายเหตุ : ช่วงเวลาที่อาณาจักรล้านนาร้างคือประมาณค.ศ.1775 - 1804 / ช่วงเวลาที่อาณาจักรเริ่มกลับมาฟื้นฟูอีกรอบคือระหว่างปีค.ศ.1796 - 1874
ภาพประกอบ :
http://bit.ly/1f7sTim
คัดลอกจากหนังสือ"แผ่นดินล้านนา"
โดยอาจารย์สรุพล ดำริห์กุล คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สำนักพิมพ์เมืองโบราณ
เวลา 23.58 น.
วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2556
ผมเอง...PattyFromTheBlock
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น