บันทึกฐานยุตโต : chill out about a monk!

๘ กค. ๒๕๕๒

** ตั้งแต่อาตมาบวชเป็นพระมาตั้งแต่วันที่สี่ มีสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาสำหรับพระใหม่ทุกรูปคือการนั่งคุกเข่าสวดมนต์ไหว้ะพระเป็นเวลานาน...เท่าไหร่ถึงเรียกว่านาน เอาเป็นว่าแค่ห้านาทีสิบนาทีก็เมื่อยแล้ว ไหนจะปวดหัวเข่า ไหนจะปวดนิ้วเท้า ไหนจะปวดหลัง ต้องคอยยืดตัวคลายเมื่อเป็นบางครั้ง โยมลองนั่งดูที่บ้านได้น่ะว่านั่งคุกเข่าได้นานเท่าไหร่ สำหรับอาตมมเมื่อวานตอนทำวัตรแปลตอนเย็นนั่งคุกเข่าไปประมาณ ๔๐ นาที! เมื่อยไปหมดเลย!
อีกท่านั่งที่สร้างความปวดเมื่อยและเหน็บชาคือท่านั่งพับเพียบ อาตมาต้องคอยเปลี่ยนขวาที ซ้ายที เพราะนั่งนานๆขาจะเมื่อยมาก หลังก้อปวด เหน็บชามาตลอดถ้าไม่เปลี่ยนท่า วันแรกที่อาตมาลงโบสถ์ทำวัตรเย็นนั่งแทบไม่ได้เปลี่ยนท่า ขาหมดความรู้สึกไปเลยข้างหนึ่
ง! อีกอย่างการนั่งอย่างนี้ถ้าจะให้ดูสวยงามต้องนั่งหลังตรง คงอีกสักพักแหละกว่าจะจะชิน

**อาหารเย็นก็เป็นอีกเรื่องที่เหล่าพระสงฆ์ต้องงด วันก่อนพระตี๋เล่าให้ฟังว่ามีคืนหนึ่งเดินขึ้นกลับมาที่ห้องตอนหัวค่ำ ท่านตี๋ได้กลิ่นมาม่าหอยฉุยลอยมาปะทะจมูก ไม่ทราบห้องใดบนชั้นสี่แอบฉันมาม่า!!
สำหรับอาตมาตั้งแต่วันที่ ๑ กค. จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกาาฉันมื้อเย็นน่ะโยม สบายใจกันได้!
หลวงพี่และหลวงพ่อห้องข้างบวชก่อนอาตมาสักเดือนตอนนี้น้ำหนักลดไปแล้วประมาณ ๕-๖ กิโล!

**สำหรับเงินปัจจัยที่ญาติโยมถวายตอนเพลหรือตอนอื่น พระสงฆ์ท่านก็เอาไปใช้ตามแต่วัตถุประสงค์เป็นรูปๆไป อาทิ ค่าแท๊กซี่ ค่าน้ำดื่มพวกน้ำอัดลม น้ำเต้าหู้กล่อง บุหรี่ เป็นต้น อาตมาจะคอยสังเกตุต่อไปน่ะว่าพระท่านเอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง

**สำหรับสายบิณทบาตร พระอาจารย์นัฐจะเป็นผู้สอบถามว่าอยากเดินสายไหนเพราะส่วนมากพระใหม่จะอยู่แถวนี้ จะได้มีโอกาสให้โยมแม่ตักบาตร ถ้าไม่อย่างนั้นอาจารย์นัฐจะจัดส่งไปตามพระอาจารย์ท่านต่างๆ
เท่าที่ได้ยินมาบางสายปัจจัยดีมาก! โยมศรัทธาแรงถวายพระทุกวัน ! โยมคนไหนถวายปัจจัยเย่อะหรือถวายปัจจัยบ่อยพระท่านจำได้! เงินทองไม่เข้าใครออกใครจริงๆ อาตมาบาปไหมเนี่ย?มานินทาพระอย่างนี้ แต่อาตมามีเจตนาดีอยากให้โยมพี่ โยมเพื่อนได้ร่วมประสบกาาณ์ไปพร้อมอาตมา ได้รู้ได้ทราบไปพร้อมอาตมาเพร่ะโยมบางท่านไม่มีโอกาสได้บวช พระที่ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบก็มีน่ะโยม อย่า!เหมาพระไม่ดีทั้งหมด

**ปาราชิก ๔ คือโทษที่หนักที่สุดสำหรับพระสงฆ์ ถ้าพระสงฆ์รูปใดทำผิดเข้าข่าย๔ข้อนี้ โดนจับสึกสถานเดียว

๑.เสพเมถุนหมายถึงมีเพศสัมพันธ์
๒.ลักขโมยของ ถึงแม้ว่าจะม่ค่าแค่เพียงบาทเดียว
๓.ฆ่าคน
๔.อวดเป็นผู้วิเศษ
เข้าสี่ข้อนี้จีวรหลุดแน่โยม

**กิจของสงฆ์ที่ต้องปฏิบัติ ๑๐ ประการ
๑.วันพระใหญ่ลงโบสถ์ฟังสวดปาติโมกข์ตอนบ่ายเวลา ๑๔.๓๐
๒.บิณทบาตร
๓.ทำวัตรเช้า - เย็น
๔.กวาดวิหาร ลานเจดีย์
๕.รักษาผ้าครองหมายถึงผ้าสามผืนที่พระนุ่งห่ม
๖.ปริวาสกรรม เป็นการนั่งสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน ฟังเทศน์หลังออกพรรษาสิบวัน ข้อนี้แล้วแต่พระสงฆ์จะเลือกว่าจะเดินทางไปปฏบัติที่วัดไหน
๗.โกนหัว โกนหนวด โกนเครา ทุกๆหนึ่งเดือน
๘.ศึกษาพระธรรม ศึกษาสิกขาบท เชื่อฟังครูบาอาจารย์
๙.การปลงอาบัติ
๑๐.พิจารณาปัจจัยสี่ อาทิ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโลก

รายละเอียดเพิ่มเติมอาตมาจะชี้แจงภายหลัง ตอนนี้รู้เป็นเบื้องต้นแค่นี้ก่อน!

**สดๆร้อนๆเพิ่งลงจากโบสถ์จากการทำวัตรเย็น ประเด็นสำคัญคือวันนี้เป็นวันเข้าพรรษา หลังจากสวดทำวัตรเย็นเสร็จก็มีการเช็คชื่อพระทั้งวัดที่เข้าพรรษาทั้งหมด เบ็ดเสร็จมีจำนวนประมาณ ๑๒๐ รูป รวมทั้งเณร ๘ รูป หลังจากนั้นเจ้าอาวาสนำพระที่เข้าพรรษาทั้งหมดสวดมนต์บทอธิษฐานเข้าพรรษาสามรอบและสวดซ้ำอีกสามรอบ หลังจากนั้นเป็นอันเสร็จพิธี วันนี้นับเป็นวันแรกของการเข้าพรรษา!

**การเดินบิณทบาตรเป็นกิจสงฆ์อย่างหนึ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สำหรับอาตมาการเดินไม่มีปัญหาเพราะตลอดเวลาที่ทำงานต้องเดินเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปืีที่ผ่านมาได้ผ่านการฝึกเดินป่าที่เชียงใหม่มาหลายครั้งทำให้การบิณทบาตรไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ อีกทั้งตอนเป็นฆราวาสเวลาอาตมาไปไหนมาไหนชอบสะพายเป้ไปด้วยเสมอ แม้กระทั่งมาจำวัดพรรษานี้เป้ใบเก่งก็อยู่เคียงข้างอาตมาตลอดแต่อยู่ในห้องน่ะไม่ได้สะพายออกไปบิณทบาตรหรือไปที่ไหนๆในวัด! เพราะฉะนั้นการเดินบิณทบาตรทุกวันเป็นการฝึกความอดทนไปในตัว ฝึกการจัดระเบียบร่างกายในตอนเดินและตอนโยมถวายของ!
ปัญหาตอนนี้ก็ยังเป็นเรื่องเดิมคือการห่มจีวรเฉพาะบิณทบาตร ย่ามใบเล็กไปหน่อยคงต้องmodifyให้ใหญ่ขึ้นสักนิดจะได้ใส่ของได้เย่อะขึ้น
สำหรับการห่มจีวรเวลาลงโบสถ์หรือลงศาลาแบบฉันรวม " ห่มดอง" อาตมาสามารถห่มได้แล้ว
ปัญหาอีกอย่างคือเรื่องการให้พร บทแผ่เมตตา อาตมายังไม่สามารถคงต้องใช้เวบาอีกสักหน่อยแหละโยม!

**สำหรับการปรับตัว ปรับวิถีชวิตแบบพระ ณ ขณะนี้ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ ถามว่าเบื่อไหม? คำตอบคือไม่น่ะโยม มีเรื่องใหม่ๆเกิดขึ้นให้เรียนรู้ทุกวัน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว

**การทำวัตรเช้า โดยปกติฉันอาหารเช้าตอน๐๗.๓๐ หลังจากนั้นระฆังตีในเวลา ๐๘.๐๐ อาตมาและหลวงพี่ท่านอื่นๆลงไปช้าประจำ คงต้องปรับเวลาในขณะฉันให้เร็วขึ้น ช่วงเช้าพอลงโบสถ์ก็เริ่มสวดทันที
สำหรับทำวัตรเย็นเริ่มเวลา ๑๗.๓๐ โดยเริ่มด้วยการนั่งสมาธิก่อนครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเวลา ๑๘.๐๐ ถึงจะเริ่มสวด ทำวัตรเย็นอาตมาชอบเพราะมีเวบาเตรียมตัวและได้ปฏิบัติครบทุกอย่าง สวดมนต์ตอนเย็นก็ชอบเช่นกัน ได้สวดมนต์หลายบทเลยโยม จิตใจสงบดี! แต่บทสุดท้ายของการสวดไม่ว่าทำวัตรเย็นหรือเช้าคือสวดแผ่เมตตา สบายกาย สบายใจดีทีเดียว!

เจริญพร ๒๑.๔๕

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น