บันทึกฐานยุตโต: กลับสู่ชีวิตพระตามปกติ


๒ สิงหาคม ๒๕๕๒
** หลังจากวันที่ ๒๙ ก.ค. เป้นต้นมาชีวิตพระนวกะก็กลับเขาสู่ภาวะปกติ อีกทั้งการเทศน์ก็ผ่านไปเรียบร้อย
เป็นที่น่าพอใจ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เช้ามืดตื่นนอนแล้วออกไปเที่ยวบิณฑบาตร ฉันอาหารเช้า ลงโบสถ์ทำวัตรเช้า
ว่างพักผ่อนแล้วก็ฉันเพล บ่ายโมงเริ่มเรียนพุทธประวัติพระพุทธเจ้า สี่โมงเย็นกวาดวิหารลานเจดีย์ ห้าโมงครึ่ง
ลงโบสถ์นั่งสมาะและทำวัตรเย็น หนึ่งทุ่มถึงสามทุ่มเรียนวินัยหรือกฎหมายของสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ เลิกเรียนพักผ่อนและเข้านอนตอนสี่ทุ่ม เช้าตื่นขึ้นมาก้เหมือนเดิมเป้นอย่างนี้ทุกวัน
**เช้าวันวันหลังจากทำวัตรเสร็จอาตมาก็เดินไปที่กองคลังเพื่อแจ้งเรื่องที่จะไม่ออกกิจนิมนต์ทุกกรณี แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทางวัดทราบอีกที เพราะฉะนั้นชีวิตตอนนี้ก้อมุ่งปฏิบัติกิจของสงฆ์ และเรียนหนังสือ ไม่ต้องคอยกังวลว่าเมื่อไหร่ทางกองคลังจะประกาศชื่อผ่านทางไมโครโฟนแจ้งเรื่องกิจนิมนต์ถือว่าสบายใจไปได้ในเรื่องนี้ จะได้มีสมาธิทำอย่างอื่นต่อไป
**สำหรับเรื่องที่ค้างเอาไว้คราวที่แล้วเกี่ยวกับกับการหักเงินของพระทุกรูปที่มีกิจนิมนต์ทั้งในวัดและนอกวัดจำนวน ๓๐ เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่สอบถามพระอาจารย์ไพบุลย์ก็ทราบว่าตัดเป้นค่าใช้จ่ายในวัด อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่นๆ แต่ก็มีเหมือนกันที่พระบางรูปเมื่อได้รับเงินแล้วไม่เดินไปที่กองคลังเพื่อให้ทางวัดหักเปอร์เซ็นต์
**ความรุ้ที่ได้จากเรียนวินัยหรือกำหมายสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ ทำให้ได้ความรุ้ใหม่ขึ้นมากเลย ทำให้ทราบว่าการเป้นพระที่ปฏิบัติได้ถูกระเบียบวินัยทุกข้อทำได้ยากมาก แต่ก้อมีน่ะโยมที่พระบางรุปสามารถทำได้ อาทิ
เรื่องเงินแค่พระรับเงินก้อผิดวินัยแล้วแต่ไม่ร้ายแรงสามารถสารภาพหรือทางพระเรียกว่าปลงอาบัติได้ หรือ
เรืองเมื่อโยมตักบาตรแล้วพระสวดมนต์ให้พรก็ถือเป็นอาบัติอีกข้อ หรือ
โยมตักบาตรแต่ไม่ได้ถฮดรองเท้าพระก้ออาบัติ หรือ
ถ้าใช้ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดซื้อของหรือวานให้เขาทำกิจธุระของพระ ข้อนี้พระก็อาบัติ ยกเว้นถ้าโยมคนนั้นปวารณาเป้นโยมอุปัฐฐาก หรือ
ถ้าพระไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยมีเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องพระก็อาบัติ ทางออกคือไม่ว่าจะทำอะไรเกี่ยวกับเงินทองให้ญาติทำให้ดีที่สุด แต่อาตมาว่าคงจะยากน่ะ
อาจารย์ที่สอนวิชาวินัยชื่ออาจารย์สมบัติ ตอนนี้กำลังศึกษาปริญญาโทและกำลังทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้า เรื่องที่สอนอาจารย์เก่งมาก สุดยอดเลยโยม
**วันสุดท้ายของการอบรมพระนวกะเมื่อวันที่ ๒๙ ที่ผ่านมา หลวงพี่โกวิทได้สอบถามวิทยากรพระอาจารย์ว่า " นิพพานคืออะไร" คำตอบทีได้คือพระอาจารย์
ยกตัวอย่างหลอดไฟที่เปิดอยุ่มันสว่างใช่ไหมโยม แต่พอปิดหลอดไฟก้อมืดความหมายคือความว่างเปล่า นั้นคือคำตอบสุดท้าย
อีกข้อที่อาตมาเรียนถามพระอาจารย์ไปว่า " หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วยังมีพระรุปอื่นอีกไหมในสมัยปัจจุบันที่ถึงขั้นนิพพานแบบพระพุทธเจ้า "
คำตอบคือในบ้านเราก้อมีพระหลายรุปเหมือนกันแต่ไม่ค่อยเป้นข่าว ข้อสังเกตุตือหลังจากที่ละสังขารแล้วร่ายทั้งหมดไม่เปื่อย ไม่เน่า หรือถืงแม้ว่าจะมีการเผาแล้ว
แต่ร่างการทั้งหมดไม่ได้กลายเป้นอัฐิเหมือนคนทั่วไป...นั้นแหละเปนพระอริยสงฆ์ที่เข้าถึงนิพพาน
อาตมาหวังว่าบันทึกฉบับนี้อย่างน้อยก้อให้ความรุ้ ให้ความเข้าใจแก่ญาติโยมได้บ้างไม่มากก้อน้อย
เจริญพร
๒๒.๑๓ นวกะห้องเบอร์สี่ วัดสุวรรณประสิทธิ์
ปล.ภาพประกอบฉบับนี้เป้นรุปรวมบรรดาญาติๆของอาตมา แต่มากันไม่ครบทุกคนหรอกเพราะว่าวันงานบางส่วนติดภาระกิจกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น