เรื่องเล่าคุณภรรยา ตอน"...สภาวะเดียวกัน..."

"ประมาณวันที่ 3 มีค. 2556 คาดว่าจะคลอด แต่ก็มีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนดสองอาทิตย์" คุณหมอบอกมาอย่างนี้ ส่วนการคลอดก่อนกำหนดก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวล

เมียก็ท้องโตขึ้นๆทุกวันจนใหญ่กว่าลูกแตงโมสะอีก น้ำหนักก็เพิ่มมากขึ้นตามท้องที่โตขึ้น การเคลื่อนไหวหรือการเดิน ลุก นั่งและนอนก็ต้องช้าลงตามลำดับ เหนื่อยง่ายขึ้นกว่าเดิม สาเหตุทั้งหมดก็มาจากครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น

ตอนบวชทุกๆเช้าก็ต้องเดินบิณฑบาตรทุกวันเพราะเป็นหนึ่งในกิจของพระสงฆ์ที่ต้องกระทำ บาตรก็มีลักษณะกลมคล้ายๆกับท้องของแม่

ช่วงต้นๆของการบิณฑบาตรยังเดินสบายๆเพราะยังไม่มีโยมใส่บาตร แต่เมื่อเดินไกลออกจากวัดมากขึ้นของในบาตรก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ของที่ใส่ก็ล้นบาตร ก็ต้องย้ายมาใส่ในย่าม เมื่อย่ามเต็มก็ต้องใส่ในถุงพลาสติกใบใหญ่ที่เตรียมเอาไว้เพื่อใส่อาหารของญาติโยมทั้งหลาย 



ย่ามที่เต็มไปด้วยของที่โยมใส่บาตรเริ่มส่งผลที่ไหล่เริ่มล้า บาตรก็เต็มไปด้วยอาหารจนสายคล้องบาตรตึงและรั้งต้นคอจนปวดไปหมด ไหนจะถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยของๆญาติโยมอีก หิ้วจนนิ้วแทบจะหลุด!!

ยังโชคดีอยู่บ้างที่สามารถจะฝากของที่โยมๆใส่บาตรที่อยู่รวมกันในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ รวมทั้งข้าวปลาอาหารในย่าม ฝากที่ไว้บ้านโยมหลังหนึ่งแล้วจะมีคนมารวบรวมและนำไปส่งให้ที่วัดอีกที

ข้าวปลาอาหาร ทั้งอาหารสดและอาหารแห้งถึงแม้จะมีโยมนำไปส่งให้ที่วัด แต่บาตรก็ยังคงคล้องอยู่ที่คอ บาตรที่หนักเพราะเต็มไปด้วยอาหารโดนดึงรั้งด้วยสายบาตร เป็นอย่างนี้ทุกวันจนทำให้ต้นคออักเสบแต่ก็หายไปในทีสุดเมื่อร่างกายปรับสภาพได้

แต่อาการเมื่อยจากการเดินบิณฑบาตรทุกเช้ายังคงมีอยู่ต่อไป!

พระอาจารย์เคยบอกว่า"เราเพียงแค่เดินอุ้มบาตรเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเราก็รู้สึกเหนื่อย รู้สึกเมื่อย แต่แม่ของเราต้องอุ้มครรภ์เป็นเวลาถึงเก้าเดือน คิดไหมว่าจะหนักและเมื่อยขนาดไหน"

พระอาจารย์เปรียบการอุ้มบาตรหรือเดินบิณฑบาตรเสมือนการอุ้มท้องของมารดา เพราะฉะนั้นเราก็เข้าใจสภาวะที่คุณภรรยาตั้งครรภ์อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ว่ามันหนักขนาดไหนที่ต้องอุ้มท้องหรืออุ้มบาตรที่มีสิ่งมีชีิวิตอยู่ด้านในถึง 9 เดือน


อีกไม่นานเกินรอ...ท้องก็จะยุบและสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆที่เราเรียกว่า"ลูก"ก็จะออกมาส่งเสียงร้อง อุแว้ๆๆๆ วันนั้นแหละที่จะทำให้"คุณภรรยา"หายเหนื่อยจากอาการปวดเมื่อยทั้งหลาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น