"ความเสื่อมของอาณาจักรขอม"



เคยสงสัยมานานแล้วว่าประวัติศาสตร์ช่วงท้ายของอาณาจักรขอมหลังสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นอย่างไร ในที่สุดวันนี้ก็อ่านมาเจอ เสียยดายที่จะเก็บเอาไว้คนเดียวก็เคยคัดลอกเอามาแบ่งปันและเก็บเอาไว้อ่านในครั้งต่อๆไป 

"ความเสื่อมของอาณาจักรขอม"

สิ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราช กษัตริย์ขอมระยะหลังไม่ทรงอานุภาพ โดยเริ่มตั้งแต่สมัย"พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 (พ.ศ.1780-1838) ทรงได้เจริญสัมพันธไมตรีกับ"ราชวงศ์นาวนำถมแห่
งกรุงสุโขทัยและศรีสัชนาลัย" อาจเกิดจากทรงเกรงพระราชอำนาจ

ซึงศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่2 วัดศรีชุมกล่าวถึงราชวงศ์ที่มีก่อนราชวงศ์พระร่วงคือรางวงศ์นาวนำถม โดยมี"พ่อขุนศรีนาวนำถม"ทรงครองกรุงสุโขทัยและศรีสัชนาลัย ประมาณพ.ศ.1721 และได้ขยายอาณาเขตได้อย่างกว้างขวางจนเป็นที่เกรงขามของแว่นแคว้นใกล้เคียง

นอกจากนี้จารึกบันทายศรี(วัดนางพญา) ของราชอาณาจักรขอมกล่าวถึง "พ่อขุนผาเมือง" เจ้าเมืองราด โอรสของของพ่อขุนศรีนาวนำถมได้ทรงอภิเษกสมรสกับ"พระนางสุขรมหาเทวี" พระธิดาองค์ใหญ่ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 แสดงให้เห็นถึงพระราชอำนาจของอาณาจักรสุโขทัย เพราะกษัตริย์แห่งอาณาจักรขอมถึงกับยอมพระราชธิดาและพระราชทานนาม "ศรีอินทรบดินทราทิตย์" ให้พ่อขุนผาเมืองพระราชบุตรเขย รวมทั้งแต่ตั้งให้เป็นอุปราชของราชอาณาจักรของในตำแหน่ง "กัมรเต๊งอัญผาเมือง" ถืออาญาสิทธิ์คือพระขรรค์ชัยศรี

ต่อมาพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมมือกับ "พ่อขุนบางกลางหาว"เจ้ามืองบางยางยกกองทัพตีกรุงสุโขทัย โดยเชื่อว่ขณะนั้นกรุงสุโขทัยเมื่อสิ้น"พ่อขุนศรีนาวนำถม"คงถูกยึดครองโดยขุนนางขอมคือ "ขอมสบาดโขลญลำพง" สามารถรบชนะชิงกรุงสุโขทัยได้เมือพ.ศ. 1786

เมื่อพ่อขุนผาเมืองตีเมืองคืนได้จึงทรงมอบกรุงสุโขทัยให้"พ่อขุนบางกลางหาว"ครอบครอง และมอบพระนามที่ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ขอมให้พ่อขุนบางกลางหาวซึ่งได้ย่อพระนามเหลือเพียง "ศรีอินทราทิตย์" และได้เสด็จไปอยู่ที่อาณาจักรขอมในฐานะ"อุปราช"

เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 สิ้นพระชนม์ "พ่อขุนผาเมือง หรือ กัมรเตงอัญผาเมือง"ซึงเป็นอุปราชและเป็นพระราชบุตรเขยเชื่อสายสุโขทัยก็ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์ขอมปกครองเมืองพระนคร ทรงพระนามว่า "พระเจ้าศรีนทรรมัน (พ.ศ.1838 - 1850)" และทรงมีพระราชโอรส 2 พระองค์ ครองราชสมบัติอาณาจักรขอมต่อมาคือ 
1.พระเจ้าศรีนทรชัยวรมัน (พ.ศ.1850 - 1870) และ
2.พระเจ้าชัยวรรมปรเมศวร (พ.ศ.1870)


ราชอาณาจักรขอมก็ถึงความเสื่อมมากขึ้นโดยเฉพาะ"ระบบสังคมทาส"เริ่มพังทลาย พงศาวดารกล่าวถึงพวกทาสที่ถูกเกณฑ์ไปสลักหินขนหินเพื่อสร้างปราสาทหินได้พากันก่อจราจลยกเข้าล้อมเมืองหลวงเข่นฆ่าขนชั้นปกครองคือขุนนางและกษัตริย์ นอกจากนี้ศาสนาพุทธนิการหีนยานก็แพร่ขยายเข้ามาอีก

สรุปได้ว่าระยะตั้งแต่ พ.ศ.1800 - 1950 จึงเป็นช่วงเวลาของความมืดมนและพินาศล่มจมของอาณาจักรขอม

ความเสือมของราชอาณาจักรขอมรวมทั้งการเริ่มขยายอาณาเขตของกรุงสุโขทัยลงมาจึงทำให้เกิดการ"ละทิ้ง"เมืองพระนครเพื่อไปสร้างเมืองหลวงใหม่ที่อยู่ห่างไกลจากการรบกวนของ"กองทัพสยาม" โดยย้ายลงไปทีเมือง"ละแวก"อยู่ทางด้านใต้ของทะเลสามกัมพูชา

ต่อมาเมื่อราชอาณาจักรสยามที่กรุงอโยธนามีความเข้มแข็งและมีอำนาจสามารถยึดครองอาณาจักขอมเป็นเมืองขึ้นได้ในสมัย"สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 "อู่ทองจึงทำให้อาณาจักรขอมเข้าสู่"ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน"มาสู่ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรกัมพูชาปัจจุบัน

ข้อมูลจากหนังสือประวัติศาสตร์ท้องถิ่นสุรินทร์ โดย
รศ.ศิริพร สุเมธารัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น