"พระสุภูติเถระ...ผู้ชอบความสงัดวิเวก"

วันนี้ก็ได้มาอีกหนึ่งเรืองหลังจากทานอาหาีรค่ำที่บ้านคุณภรรยา ก็เลยคัดย่อประเด็นที่่น่าสนใจมาฝากสหมิตรทุกท่าน

"พระสุภูติเถระ...ผู้ชอบความสงัดวิเวก"

ท่านเป็นบุตรสุมนะเศรษฐี เมืองสาวัตถี ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าในวันที่มีการฉลองพระเชตวันมหาวิหาร ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย มีความเลื่อมใสจึงขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์

หลังจากบวชแล้ว ท่านรับกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า เข้าป่าบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนา ไม่นานก็บรรลุพระอรหัตผล ท่านชอบอยู่ป่าอันสงัดวิเวกเป็นประจำ มีเมตตาธรรมสูง ว่ากันว่า ท่านได้แผ่เมตตาจิตไปยังทุกบ้านทุกเรือนที่ท่านออกบิณฑบาต อาหารบิณฑบาตที่ถวายแก่ท่าน จึงมีอานิสงส์สูงมาก





ในคัมภีร์ฝ่ายเซ็นเล่าไว้ว่า
วันหนึ่ง ขณะท่านพระสุภูติเถระนั่งเข้าฌานอยู่ เทวดาทั้งหลายก็โปรยปรายดอกไม้บูชาท่าน ครั้นท่านออกจากฌานแล้ว เล่าเทวดาก็กล่าวขอบคพระคุณท่านว่า
"พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ซาบซึ้งในพระธรรมเทศนาที่พระคุณเจ้าแสดงเป็นอย่างยิ่ง"

พระเถระถามว่า"อาตมาแสดงธรรมหรือ"

"ใช่ พระคุณเจ้า"

"อาตมามิได้แสดงธรรมที่ไหนเลย อาตมาเข้าฌานสมาบัติเพิ่บจะออกเดี๋ยวนี้เอง"

"พระคุณเจ้าแสดงเรื่องความว่างอย่าไรเล่า"

พวกเทวดาหมายความว่า การที่พระสุภูติเถระนั่งเข้าฌานสมาบัติเงียบๆรูปเดียวในป่าเปลี่ยว นั่นแหละเป็นการแสดงเรื่องความว่าง ท่านอยู่ในความสงัดวิเวกอย่างเป็นสุข เป็นแบบอย่างที่ดีของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

นี่แหละที่เซ็นเขาว่า"การพูดโดยไม่พูด" การแสดงธรรมโดยไม่แสดง(ออกมาทางวาจา)มีผลยิ่งใหญ่นัก


ประวัติไม่บอกว่า ท่านนิพพานเมื่ออายุพรรษาเท่าไา ณ ที่ใด

หมายเหตุ : “สุภูติ” ซึ่งถือว่าเป็นมงคลนาม มีความหมายว่า “ผู้เกิดดีแล้ว”

ขอบคุณข้อมูลโดย
อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ภาพประกอบโดย

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=580.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น