วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ณ บ้านพักตากอากาศ ชายแดนด้านตะวันออกของกรุงเทพ
“...ล่องดำเนิน เพลิดเพลินอัมพวา..”


สืบเนื่องจากฉบับที่แล้วที่ผมนั่งรถไฟจากสถานีนาขวางมาสถานีแม่กลอง สิ้นสุดการเดินทางภาคแรกที่สถานีแม่กลอง ณ ริมฝั่งแม่น้ำกลอง

ฉบับนี้เรามมว่ากันต่อ แต่เป็นการเดินทางอีกรูปแบบนั้นคือ “เรือหางยาว”

ตามโปรแกรมวันนั้นผมต้องพานักท่องเที่ยวชาวอังกฤษสี่คนไปเที่ยวตลาดน้ำท่าคา นั่งเรือพายชมการทำน้ำตาลมะพร้าวและต่อด้วยเรือหางยาวไปอุทยาน ร.๒ แต่วันนั้นไม่ตรงกับวันของตลาดน้ำท่าคาหมายถึงไม่มีตลาดนั้นเอง
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะตลาดน้ำท่าคาจะมีเฉพาะวันขึ้นหรือแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ 12 ค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00- 12.00 น (ทุก ๆ 5 วัน) เท่านั้น ปัจจุบันมีเพิ่มวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย แต่วันที่ผมไปคือวันจันทร์....อดเลย!

พลาดจากท่าคา ผมก็วางแผนจะไปนั่งเรือพายที่ “ตลาดน้ำคลองลัดพลี” แทน ไม่เสียเวลาหลังจากที่กลับมาขึ้นรถตู้ผมรีบโทรไปจองเรือพายหนึงลำที่คลองลัดพลีทันทีเพื่อป้องกันความผิดพลาด
เราใช้เวลาเดินทางจากสถานีแม่กลองไปตลาดน้ำคลองลัดพลีประมาณครึ่งชั่วโมง เออ...ผมลืมบอกไปว่าท่านที่ขับรถมาเที่ยวตลาดร่มหุบที่แม่กลองสามารถจอดรถได้ที่วัดนะฮะ...บริเวณนั้นมีอยู่วัดเดียว ขออภัยผมจำชื่อวัดไม่ได้แต่ลานจอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด หาไม่ยากครับ

ส่วนตัวตลาดน้ำคลองลัดพลี ถ้าขับรถมาเองท่านก็ใช้เส้นทางเดียวกับที่จะมาตลาดน้ำดำเนินสะดวก พอขับผ่านสามแยกไฟแดงที่จะไปอัมพวา ก็ขับตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอสี่แยกไฟแดงถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก แต่เราขับตรงไปก็จะข้ามสะพานคลองดำเนินสะดวก ลงจากสะพานก็จะเจอไฟแดงให้เตรียมเลี้ยวซ้ายตรงแยกไฟแดงนี้ครับ ไม่พลาดแน่เพราะจะมีป้ายบอกว่าไปตลาดน้ำคลองลัดพลี จากถนนสี่เลนพอเลี้ยวซ้ายก็จะเป็นสองเลน ขับตามทางไปเรื่อยๆประมาณ ๓ กม.ทางเข้าตลาดน้ำคลองลัดพลีก็จะอยู่ทางซ้ายมือ แม่นแล้วครับมันคือทางเข้าวัดสุ่นหรือวัดราษฏร์เจริญธรรมนั้นเอง

บรรยากาศตลาดน้ำคลองลัดพลีจะไม่คึกคักเท่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก แต่ในคลองก็มีแม่ค้าขาพ่อค้าขายอาหารเหมือนกัน

ความสนุกของการมาเที่ยวตลาดน้ำคือต้องนั่งเรือพายครับ ป้าๆน้าๆแรือพายที่นี้น่ารักพี่ๆน้องๆสามารถติดต่อ คุยเรืองราคาเรือได้เลยนะฮะ ราคาคุยกันได้ เป็นกันเองที่สุด

ผมก็พาฝรั่งสี่คนมานั่งเรือพายที่นี้ ได้พี่สาวคนสวยเรือพายเบอร์ ๑๖ เป็นคนพาย บรรยากาศนั่งเรือพายจากตรงนี้ไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก เงียบ สงบ สวยงาม บ้านเรือนสองข้างคลองเรียบง่าย แต่เรือพายไม่มีหลังคานะครบ แนะนำให้นำหมวกและแว่นกันแดดไปด้วยจะดีมาก

เรานั่งเรือพายกับมาเงียบๆ เพลินกับบรรยากาศสองข้างทาง ไม่นานก็มาโผล่ที่คลองดำเนินสะดวก ไม่ไกลเราก็มาถึง “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” จากความเงียบเรามาปะทะกับความวุ่นวายของพ่อค้าแม่ขาย เรือพาย เรือยนต์ ร้านขายของที่ระลึกที่เต็มไปทั้งสองข้างทาง เรานั่งเรือพายฝ่าความวุ่นวายของพ่อค้าแม่ค้าไปเรือยๆจนมาถึงจุดจอดเรือที่ “เตาตาลบ้านบังและ”
ผมจอดเรือที่นี้เพื่อให้แขกได้มีโอกาสชมการทำน้ำตาลจากยอดมะพร้าว ที่นี้เขาทำกันทุกวัน ทำกันสด ๆขายกันสดๆ วันนั้นโชคดีได้ดูเขาสาธิตการปีนต้นมะพร้าวเพื่อเก็บน้ำตาลจากดอกมะพร้าว ไอ้เจ้าตัวน้ำตาลนี้จะแหละต้องนำมาเคียวในกะทะใบใหญ่อีกทีเพื่อให้ได้น้ำตาล

นอกจากนี้ทานเตาตาลบังและยังมีน้ำตาลสดไว้บริการลูกค้า ชิมฟรีไม่เสียตังค์นะครับ วันนั้นผมซัดไปสามแก้ว...โคตรชื่นใจเลย

เราใช้เวลาที่เตาตาลบังและกันพอสมควร ผมและแขกทั้งสี่ก็กลับมานั่งเรือพาย “วัดสุ่น เบอร์ ๑๖” เพื่อให้เขาไปส่งที่คลองต้นเข็ม หลังจากนั้นผมก็จะปล่อยแขกให้เดินเล่นที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกตามเวลาอันสมควร ก่อนที่เราทั้งหมดจะนั่งเรือหางยาวไปอัมพวาและอุทยาน ร. ๒ ต่อไป

เรือหางยาวที่เราจะนั่งต่อจากดำเนินสะดวก ไปออกแม่น้ำแม่กลอง ปลายทางคืออุทยาน ร.๒ ผมติดต่อหนึ่งวันล่วงหน้าและผมก็นัดหมายเรือให้มารับที่คลองต้นเข็มหรือแถวตลาดน้ำดำเนินนั้นแหละครับ

น้าคนขับเรือชื่อ “แต้ม” ตลอดทางที่นั่งเรือน้าแต้มได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง รวมทั้งบอกด้วยว่าถ้านั่งจากตลาดน้ำท่าคาจะมาโผล่ตรงไหน....

ระยะเวลาคร่าวๆที่เราจะใช้เดินทางทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมง นั่งเรือไปแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ชมบรรยากาศสองข้างทางไปแบบเพลินๆ

หลังจากนั่งเรือหางยาวมาได้สักพักเราก็แวะให้อาหารปลาที่ “วัดปรก” เป็นวัดแรกที่เราผ่านนับตั้งแต่นั่งเรือมา เราจอดซื้ออาหารปลากันที่นี้ ราคาไม่แพงฮะ ถุงละสิบบาทเท่านั้น ปลาที่เห็นส่วนมากก็เป็นปลาตะเพียนหางแดง วันนั้นผมซื้อไปทั้งหมดห้าถุง....เลี้ยงปลากันสนุกสนานไปเลย แต่ถ้าใครสนใจอยากจะลงไปเดินเล่นที่วัดก็ได้นะครับ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

นั่งเรือมาสักพักน้าแต้มก็กระซิบบอกผมว่า “ที่ดินด้านซ้ายมือที่กำลังก่อสร้างเป็นขององค์โสมฯ” ท่านได้ที่ดินมาจากเพื่อนอีกที เป็นการแบบให้เปล่า....ความลับนะฮะ อย่าไปบอกใครละกัน เหยียบไว้ตรงนี้เลย!!!

กำลังนั่งเรือชมบรรยากาศเพลิน น้าแต้มก็มาสะกิดบอกว่า “ตรงคุ้งน้ำนี้มันเหมือนสี่แยก คือทางขวาตามคลองก็จะไปโผล่แม่กลอง (อันนี้เป็นเส้นทางที่เราต้องไปอยู่แว้ว ) แต่ทางซ้ายมือจะคล้ายๆเป็นแยกตัว “Y” แยกด้านบนซ้ายนั้นแหละที่เราสามารถไป “ตลาดน้ำท่าคา” ได้ หมายถึงเรือจากทาค่าก็จะมาโผล่ตรงนี้นั้นเอง จุดสังเกตุตรงนี้คือ “วัดบางน้อย”

น้าแต้มให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ช่วงน้ำแล้งหรือหน้าแล้งคลองเส้นท่าคาเรือก็วิ่งไม่ได้เพราะติดท้องร่อง !!!

จากจุดนี้คลองก็คดเคี้ยวไปมา ผมสังเกตุมีโฮมสเตย์น่ารักอยู่สองสามแห่ง...น่าพักเหมือนกัน ไม่นานเราก็มาโผล่ ณ แม่น้ำแม่กลอง สำหรับท่านที่ต้องการแวะชมค่ายบางกุ้ง ที่วัดบางกุ้งก็สามารถแวะชมได้นะครับ เพราะหน้าวัดมีท่าน้ำสามารถจอดเรือแล้วลงไปเดินเที่ยวได้ จุดสังเกตุหลังจากที่เรามาโผล่แม่น้ำแม่กลองคือวัดที่สามเป็นวัดบางกุ้ง วัดแรกที่เห็นชื่อวัดกลางเหนือ ถัดมาคือวัดศรีจินดาวัฒนาราม แล้วต่อด้วยวัดบางกุ้ง

จากคลองแคบๆเล็กๆสามารถมองทั้งสองฝั่งได้อย่างสบายๆ แต่พอเปลี่ยนมาเป็นแม่น้ำแม่กลอง โอ้วแม่เจ้า!!! มันช่างกว้างใหญ่จริงๆ ถ้าอยากจะเห็นอีกฝั่งให้ชัดเจนคงต้องส่องกล้องกันละครับพี่น้องงงงง

ก่อนที่จะถึงจุดหมายคืออุทยาน ร.๒ น้าแต้มขับเรือพาไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ได้เห็นตลาดน้ำในวันธรรมดา ที่เงียบสงบ เห็นร้านค้า ร้านอาหารและท่าเทียบเรือ รวมทั้งกลุ่มของบ้านเรือนแถวที่อยู่ในโครงการของพระเทพฯ ชื่อว่า “โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ “ สังเกตุง่ายๆเวลาท่านไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ถ้าเห็นธงของพระเทพฯ...นั้นละครับ เรือนแถวทั้งหมดเป็นของท่าน ที่ดินและบ้านทั้งหมดท่านไม่ได้ซื้อน่ะครับ มีชาวบ้านถวายให้พระเทพฯ ท่านก็ทรงรับไว้และทำการอนุรักษ์เป็นอย่างดี น้าแต้มยังบอกอีกว่าสถานที่แห่งนี้แพระเทพฯท่านทรงโปรดเสด็จเป็นการส่วนพระองค์เช่นกัน

สุดท้ายเราก็ต้องลาน้าแต้มที่ท่าเรือของอุทยาน ร.๒ สำหร้บท่านที่มีแรงก็สามารถเดินจากอุทยาน ร.๒ ไปตลาดน้ำอัมพวาได้นะครับ ....เดินใกล้นิดเดียวก็ถืงแล้ว
แต่วันที่เราไปอากาศร้อนมาก ไม่ไหวแล้ว บ่ายโมงแล้ว...ได้เวลาร้บประทานอาหารเที่ยง วันนี้ผมเลือกไปทานที่ “ร้านชมเดือน” เป็นโฮมสเตย์และร้านอาหาร บรรยากาศดีเพราะติดแม่น้ำ อาหารหร่อยจังฮุ้!!! แต่มีอีกร้านที่น้าแต้มแนะนำคือ “ร้านชาวเล” เอาไว้โอกาสหน้าจะแวะไปชิม....







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น