เหตุเกิดของมหากุศล



ประเภทของจิตที่เป็นมหากุศล..สมมติว่าเราใส่บาตรทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ เราเคยพิจารณาไหมว่าเราทำเพราะอะำไร เช่น
นายก.ใส่บาตาิเสาร์อาทิตย์ตอนเช้าเพราะคิดว่าตนเองไม่มีเวลาใส่บาตรในวันธรรมดาเพราะต้องไปทำงานก็เลยขวนขวายในวันเสาร์อาทิตย์เพืื่อเป็นการสะสมบุญเอาไว้เป็นผลปรากฎในอนาคต ความคิดของนายก.ก็เป็นมหากุศล

นายข.ใส่บาตรเสาร์อาทิตย์เหมือนกัน แต่คิดว่าเราเป็นผุ้ทำมาหากินได้ถ้าไม่สงเคราะห์ผู้ประพฤติศีลประพฤติธรรมอย่างพระภิกษุเพราะว่าพระภิกษุทำมาหากินไม่ได้ ดังนั้นจึงขวนขวายในงานบุญในเรื่องของการใส่บาตร

นายค.ใส่บาตรเหมือนกันแต่คิดว่าพ่อแม่เคยทำมา บรรพบุรุษเคยทำมา ก็เลยทำตามๆกันไป
คำถามคือทั้งสามกรณีตัวอย่าง ทั้งสามบุีคคลทำบุญด้วยใจที่เป็นกุศลคือมีมหากุศลจิตเกิดขึ้นไหม?

เฉลยคือทั้งสามคนมีการให้ทาน..ใส่บาตรทำบุญด้วยจิตที่เป็นกุศลแต่คนละแบบคนละอย่างคนละชนิด เช่น
นายค. ทำเพราะปู่ย่าตายายเคยทำมา ทำตามๆกันไป มหากุศลแบบนี้ไม่มีปัญญาประกอบคือไม่มีปัญญาใคร่ครวญพิจารณา

นายก. ทำเพราะปรารถณาในบุญ ทำเพราะหวังผลในบุญ จิตของนายก.เป็นมหากุศลคือการหวังผลในบุญเป็นกุศลขั้นต่ำ ส่งผลในเทวภูมิชั้นต่ำ

นายข. ทำบุญเพราะตนเองเป็นผุ้ทำมาหากินได้ พระภิกษุทำมาหากินไม่ได้เราจะวางใจดูดายที่จะไม่ดูแลท่าน ถ้าไม่มีใครดูแลท่านในปัจจัีย4 ท่านจะอยู่ได้อย่างไร ความคิดอย่างนี้เป็นมหากุศลคือเกิดขึ้นพร้อมด้วยปัญญาไม่มีการชักชวน เกิดขึ้นเอง และการทำบุญแบบนี้ไม่หวังผลในบุญเพื่ออนุเคราะห์ผู้รับ จะส่งผลนำไปเกิดในเทวภูมิ ในภูมิชั้นสูง"ชั้นที่5 นิมมานนรดี"

ถ้ามีบางบุคคลไม่ได้ปรารถณาในบุญและเข้าใจในเรื่องบุญ เรื่องบาป เข้าใจในความเป็นไปในกรรมของสัตว์ทั้หลายและมีความคิดว่าเราจะทำบุญเพื่อขัดเกลากิเลส ไมไ่ด้เพื่อปรารถณาใดๆ การทำบุญแบบนี้เกิดขึ้นด้วยปัญญา ไม่มีการชักชวน เป็นจิตที่สละจริงๆ ผลของกุศลอย่างนี้เป็นผลขั้นสูงคือนำไปเกิดในเทวดาชั้นสูงสุด"ปรนิมฯ"

ลองเปรียบเทีียบ >การใส่บาตรเพื่อขัดเกลากิเลสของตัวเองกับการทำบุญที่อธิษฐานขอให้เกิดมาสวย รวย เก่ง ปัญญาดี สารพัดจะขอ แล้วดูสภาพจิตที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไหม ผลบุญที่เกิดขึ้นอาจจะยิ่งใหญ่ อาจจะมีกำลังสูง ถ้าส่งผลย่อมนำความสุขมาให้ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า ขณะปฏิสนธิ

ข้อมูลจากอภิธรรมออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น